Home Product

รวบรวมบทวิเคราะห์ทองจากบลจ.ต่างๆประจำวันที่ 2 เมษายน 2555

MTS

วิเคราะห์ทางเทคนิค

Gold – ราคาทองคามีการแกว่งตัวทดสอบแนวรับด้านล่างอีกครั้งหนึ่งที่บริเวณ 1,645 เหรียญในสัปดาห์ทีผ่านมา โดยที่ราคาทองคาสามารถดีดกลับขึ้นมาได้ ณ ขณะนี้อยู่ที่ระดับประมาณ 1,670 เหรียญ ทาให้โดยภาพรวม ราคาทองคาดูแข็งแกร่งมากขึ้น หลังจากที่ผ่านการปิดช่วงเดือนมีนาคม ซึ่งมีแรงเทขายอย่างหนาแน่นในช่วงสิ้นเดือนและเป็นวันหมดอายุของการส่งมอบ Gold Futures ในต่างประเทศ ทาให้ภาพรวมราคาทองคาดูจะขึ้นสาหรับแนวโน้มราคาทองคาในทิศทางขาขึ้น ทองคาจะมีแนวรับขยับขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 1,650 เหรียญ และแนวต้านที่ระดับ 1,695 เหรียญ ถ้าราคาทะลุด้านบนได้ก็จะเข้าสู่ทิศทางแนวโน้มขาขึ้นในระดับภาพรวม

สรุป - ทองคาน่าจะเริ่มเข้าสู่ทิศทาง sideway up โดยมีโอกาสที่จะหยุดตกได้

คำแนะนำการลงทุน

Daily

เก็งกาไรในทิศทางการแกว่งตัว คาดว่าจะค่อยๆ เคลื่อนตัวไปในทิศทาง sideway up แนวรับ 1,660 เหรียญ แนวต้าน 1,675 เหรียญ ทาการซื้อเมื่อราคาอ่อนตัว

Weekly

ทยอยเข้าช้อนซื้อเมื่อราคาอ่อนตัว เริ่มปรับพอร์ทเพิ่มขึ้น 20%

Monthly

ทยอยเข้าช้อนซื้อเช่นเดียวกันเมื่อราคาอ่อนตัว

Gold Recap

Morning Recap

ราคาทองคาต่างประเทศเปิดที่ระดับ 1,662 เหรียญ/ออนซ์ Gold Futures J12 เปิดที่ 24,480 บาท สมาคมค้าทองแท่งเปิดที่ 24,300 บาท

Night Recap

ราคาทองคาเปิดตลาดในประเทศไทยที่ระดับ 1,667 เหรียญ โดยราคาเคลื่อนตัวอยู่ระหว่าง 1,659 – 1,669 เหรียญ ก่อนกลับมาปิดตลาดที่ 1,663 เหรียญ ในเวลาประเทศไทย

ข่าวที่สำคัญ

-ราคาทองคาปรับตัวสูงขึ้นในเช้าวันนี้ซึ่งเป็นวันแรกในการเริ่มต้นการซื้อขายประจาไตรมาสที่ 2 โดยได้รับแรงสนับสนุนมาจากสกุลเงินดอลลาร์ที่อ่อนค่าลง หลังจากตัวเลขภาคการผลิตของจีนได้ขยายความกังวลในเรื่อง Hard Landing และตัวเลขดัชนีความเชื่อมั่นของสหรัฐอเมริกาก็ได้เพิ่มความหวังที่ว่าเศรษฐกิจของสหรัฐฯ มีการฟื้นตัว

-นักลงทุนมีการถือสัญญาประกอบกันระหว่าง fresh long buying และการทา short covering ในสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 27 มีนาคม เนื่องจากราคาทองคามีการปรับตัวขึ้นเหนือระดับ 1,650 เหรียญ สถานะ long เพิ่มขึ้น 1.1 ล้านออนซ์ ในขณะที่สถานะ short ลดลงเท่ากัน 1.1 ล้านออนซ์ ผลก็คือ net long position เพิ่มขึ้น 2.21 ล้านออนซ์สู่ระดับ 17.796 ล้านออนซ์ Open interest ลดลง 48,826 สัญญา สู่ระดับ 626,687 สัญญา ซึ่งเป็นระดับต่าสุดในปีนี

-กลุ่มผู้ค้าทองในอินเดียยังคงประท้วงติดต่อกันเป็นวันที่ 13 เนื่องจากที่รัฐบาลมีการเพิ่มภาษีการนาเข้าทองคาขึ้นเป็นสองเท่าตัว ส่งผลให้ความต้องการทองคาในประเทศมาอยู่ที่ระดับ 933.4 ตันในปี 2011 โดยอินเดียยังคงเป็นผู้บริโภคทองคาที่ใหญ่ที่สุดในโลก

-รัฐบาลของแอฟริกาใต้ใส่เงินมูลค่า 420 ล้านดอลลาร์เข้าสู่ public-private platinum venture ในทรัพยากร Pallinghurst ซึ่งเป็นกองทุนส่วนบุคคคลที่ลงทุนนอกตลาด หรือ private equity โดยรัฐบาลแอฟริกาใต้มีความพยายามที่จะเป็นผู้ผลิตโลหะมีค่าที่ใหญ่ที่สุดอันดับสามของโลก

-ความเชื่อมั่นผู้บริโภคสหรัฐพุ่งสูงเกินคาดในเดือนมี.ค. และทาสถิติขยายตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 7 เนื่องจากภาคครัวเรือได้รอดพ้นจากการราคาน้ามันที่ปรับตัวสูงขึ้น ส่งผลให้นักเศรษฐศาสตร์มีการปรับทบทวนการคาดการณ์ในไตรมาสแรกให้สูงขึ้น เนื่องจากชาวอเมริกันมีมุมมองในแง่บวกต่อเศรษฐกิจสหรัฐ

-รัฐมนตรีคลังยูโรโซนมีมติตกลงกันเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาที่จะเพิ่มทุนทรัพย์เข้าสู่กองทุน ESM มูลค่า 7 แสนล้านยูโร เพื่อแก้ไขปัญหาวิกฤตหนี้ยูโรโซน ทาให้เกิดการตอบสนองเบื้องต้นที่ดีขึ้นจากกลุ่มประเทศ G20 และตลาด

CGF

Price Movement

ราคาทองคาในตลาด COMEX ปิดที่ 1,671.90 USDต่อออนซ์ เพิ่มขึ้น 17.00 USDต่ออออนซ์ โดยมีความเคลื่อนไหวระหว่าง 1,661.20 -1,672.70 USDต่อออนซ์ จากค่าเงินยูโรที่แข็งค่าขึ้น และค่าเงิน USD ที่อ่อนค่าลง เมื่อรมว.คลังยูโรโซนมีมติเพิ่มขนาดกองทุนเพื่อช่วยเหลือประเทศที่ประสบปัญหาหนี้เป็น 8 แสนล้านยูโร ราคาทองคาเมื่อสิ้นสุดไตรมาสที่ 1 มีราคาเพิ่มขึ้น 6.4% แต่ในเดือนมี.ค.มีราคาลดลง 2.4% โดยการเข้าสู่ไตรมาสที่ 2 คาดว่าราคาจะเคลื่อนไหวระหว่าง 1,600 – 1,850 USDต่อออนซ์ แต่ในกรณีเลวร้ายคาดว่าราคาจะเคลื่อนไหวระหว่าง 1,500 – 1,750 USDต่อออนซ์ ซึงปัจจัยลบที่จะมีผลในระยะกลาง คือ การฟื้นตัวทางเศรษฐกิจของสหรัฐ ซึ่งจะทาให้ค่าเงิน USD แข็งค่าขึ้น ความต้องการในตลาด physical ในเอเชียเริ่มลดลงเมื่ออินเดียเพิ่มภาษีนาเข้า อย่างไรก็ตามทองคาไม่ได้เป็นสินทรัพย์ปลอดภัยแต่เพียงอย่างเดียว แต่ทองคามีความสัมพันธ์กับสินทรัพย์เสี่ยงเพิ่มขึ้น โดยมีความสัมพันธ์กับตลาดหุ้นสหรัฐเพิ่มขึ้น ดังนั้นการที่เศรษฐกิจสหรัฐปรับตัวดีขึ้น และปัญหาหนี้ยุโรปคลี่คลายจะมีผลบวกต่อราคาทองคาเหมือนกับสินทรัพย์เสี่ยงในบางช่วง สาหรับในช่วงเช้าวันนี้ราคาเคลื่อนไหวบริเวณ 1,669 USDต่อออนซ์ ภาพกราฟในราย 120 นาที ถ้ายืนเหนือ 1,670 จะส่งสัญญาณซื้อในระยะสั้น แต่ถ้าไม่สามารถยืนได้อาจปรับตัวลดลงมาที่บริเวณแนวรับบริเวณ 1,660/1,645/1,628 แนะนา นักลงทุนที่เปิด Long ไว้บริเวณ 1,654/1,645 ถือต่อถ้าราคาสามารถผ่าน 1,670 ได้ โดยมีเป้าหมายทากาไรบริเวนแนวต้านถัดไปบริเวณ 1,688 แต่ถ้าไม่ผ่าน 1,670 ปิดทากาไร คาดว่าวันนี้มีแนวต้านแรกบริเวณ 1,670/1,688 ส่วนในระยะสัปดาห์คาดว่ามีแนวต้านบริเวณ 1,700 /1,717 และแนวรับบริเวณ 1,645/1,628

Recommendations

แนวโน้มระยะสั้น : อยู่ในกรอบ 1,640 – 1,700 Trading ในกรอบ 1,640 – 1,700

แนวโน้มระยะกลาง : อยู่ในกรอบ 1,600 – 1,800 แนะนา รอเปิด Long บริเวณแนวรับ 1,640 โดยมีเป้าหมายทากาไรบริเวณ 1,760

แนวโน้มระยะยาว : อยู่ในกรอบ 1,600 - 1920 แนะนา รอเปิด Long เมื่อราคาอ่อนตัวบริเวณ 1,600

Key Points in Gold Market

-ปัจจัยที่มีผลกระทบต่อราคาทองคา ได้แก่ ค่าเงินยูโรแข็งค่าขึ้นและค่าเงิน USD อ่อนค่าลงเมื่อรมว.คลังยูโรโซนมีมติเพิ่มขนาดกองทุนเพื่อช่วยเหลือประเทศที่ประสบปัญหาหนี้ ( + ) ราคาน้ามันดิบปรับเพิ่มขึ้น จากความกังวลในเรื่องอิหร่านและค่าเงิน USD อ่อนค่าลง ( + ) การใช้จ่ายของผู้บริโภคสหรัฐในเดือน ก.พ.เพิ่มขึ้น ( +/- ) กิจกรรมของโรงงานขนาดใหญ่ของจีนขยายตัวสูงสุดในรอย 11 เดือนจะทาให้มีความต้องการสินทรัพย์เสี่ยงเพิ่มขึ้น ตลาดหุ้นในเอเชียเปิดบวกในเช้าวันนี้ ( +/- ) สเปนเสนองบประมาณรัดเข็มขัดต่อสภาลดการขาดดุลงบประมาณลง 27 พันล้านยูโร (+/-) ค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้น ( - )

-ประเด็นที่ต้องติดตาม ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐในวันศุกร์ กรีซอาจจะมีการเลือกตั้งในวันที่ 6 พ.ค.

-การรายงานตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐในสัปดาห์นี้ ได้แก่ วันจันทร์ ดัชนีกิจกรรมการผลิตทั่วประเทศ เดือนมี.ค. ข้อมูลค่าใช้จ่ายด้านการก่อสร้างเดือนก.พ. วันอังคาร ดัชนีภาวะธุรกิจนิวยอร์คเดือนมี.ค. ยอดสั่งซื้อของโรงงานเดือนก.พ. เฟด เปิดเผยรายงานการประชุมของคณะกรรมการกาหนดนโยบายการเงินเมื่อวันที่ 13 มี.ค. วันพุธ ตัวเลขการจ้างงานทั่วประเทศเดือนมี.ค. ดัชนีภาคบริการเดือนมี.ค. ตัวเลขสต็อกน้ามันรายสัปดาห์ วันพฤหัสบดี จานวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ วันศุกร์ ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนมี.ค.

-SPDR ถือทองคาจานวนเท่าเดิม 1,286.62 ตัน