Home Product

รวบรวมบทวิเคราะห์ทองจากบลจ.ต่างๆประจำวันที่ 14 พฤษภาคม 2555

รวบรวมบทวิเคราะห์ทองจากบลจ.ต่างๆประจำวันที่ 14 พฤษภาคม 2555

MTS

วิเคราะห์ทางเทคนิคช่วงเช้า

Gold – ราคาทองคายังเคลื่อนไหวในทิศทางการปรับตัวในแนวโน้มขาลง โดยไปทาจุดต่าสุดที่ระดับ 1,573 เหรียญ และดีดกลับมาปิดที่ตลาด Comex ที่ระดับ 1,584 เหรียญ โดย MTS Gold ยังวิเคราะห์ราคาทองคาจะเคลื่อนตัวในกรอบแนวโน้มขาลงในช่วง 1,560 เหรียญเป็นแนวรับด้านล่าง และ 1,590 เป็นแนวต้านด้านบน โดยที่กรีซเองยังไม่สามารถจบลงไปได้ และก็มีโอกาสที่เป็นหนี้เสียค่อนข้างสูงและจะถูกขับออกจากยูโรโซน ดังนั้นในภาพรวมจะเห็นได้ว่าสกุลเงินยูโรพยายามอ่อนค่าลงหลุดระดับ 1.92 ดอลลาร์สหรัฐ/ยูโรลงมา และเงินบาทยังทรงตัวอยู่บริเวณ 31.22 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ อันมีแนวโน้มที่จะอ่อนค่าลงได้ วิเคราะห์ได้ว่า แนะนาให้นักลงทุนยังเก็งกาไรในทิศทางตลาดขาลงอย่างต่อเนื่อง

คำแนะนำการลงทุน

Daily

ซื้อขายในกรอบ 1,570 – 1,590 เหรียญ โดยแนะนาให้ขายเมื่อราคาปรับตัวสูงขึ้น

Weekly

ยังเป็นการรออยู่นอกตลาด หรืออาจจะทา Short Position เมื่อราคาปรับตัวสูงขึ้นในช่วงตลาดที่แกว่ง และทากาไรในช่วงสั้น

Monthly

ยังคงถือพอร์ทประมาณ 10% ยังไม่ได้ซื้อเพิ่มใดๆ รอจังหวะเมื่อราคาปรับตัวลดลง

Gold Recap

Morning Recap

ราคาทองคาต่างประเทศเปิดที่ระดับ 1,587 เหรียญ/ออนซ์ Gold Futures M12 เปิดที่ 23,660 บาท สมาคมค้าทองแท่งเปิดที่ 23,400 บาท

Night Recap

ราคาทองคาเปิดตลาดช่วงค่าในประเทศไทยที่ระดับ 1,584 เหรียญ โดยราคาเคลื่อนตัวอยู่ระหว่าง 1,578 – 1,591 เหรียญ ก่อนกลับมาปิดตลาดที่ 1,588 เหรียญ ในเวลาประเทศไทย

ข่าวที่สำคัญ

-ตัวเลขการผลิตภาคอุตสาหกรรมของจีนประจาเดือนเมษายนเพิ่มขึ้น 9.3% จากปีก่อนหน้านี้ แต่น้อยกว่าที่คาดการณ์ไว้ว่าจะออกมาเพิ่มขึ้น 12.1% นอกจากนี้ ยอดค้าปลีกประจาเดือนเมษายนเพิ่มขึ้น 14.1% แต่ก็ยังต่ากว่าการคาดการณ์ว่าจะเพิ่มขึ้น 15.1% อีกทั้ง CPI จีนประจาเดือนเมษายนออกมาตรงตามคาดการณ์คือ เพิ่มขึ้น 3.4% ในขณะที่ PPI ลดลง 0.7% เมื่อเทียบกับการคาดการณ์ว่าจะลดลงเพียง 0.5%

-ปธน.ปาปูลิอาสจะจัดการประชุมกับผู้นาแต่ละพรรคจากพรรคการเมืองทั้ง 7 พรรคที่จะเข้าร่วมในสมัชชาชุดใหม่ แถลงการณ์ระบุว่า การเจรจาครั้งใหม่จะมีขึ้นอีกครั้งในช่วงเย็นวันนี้ โดยจะมีหัวหน้าพรรคการเมืองที่สาคัญทั้ง 3 พรรคเข้าร่วมประชุมด้วย หลังจากผลการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 6 พ.ค.ที่ผ่านมาแสดงให้เห็นว่าไม่มีพรรคใดครองเสียงข้างมากในรัฐสภา ทั้งนี้ หากการเจรจาในวันนี้ซึ่งเป็นรอบสุดท้าย ประสบความล้มเหลว ก็จะส่งผลให้กรีซต้องจัดการเลือกตั้งครั้งใหม่ภายใน 1 เดือน ตามที่รัฐธรรมนูญกาหนดไว้

อย่างไรก็ตาม นายอเล็กซิส ซิปราส ผู้นาพรรค Syriza ซึ่งเป็นพรรคฝ่ายซ้ายของกรีซ ปฏิเสธที่จะเข้าร่วมการหารือจัดตั้งรัฐบาลผสมที่จะมีขึ้นในวันนี้ ตามเวลายุโรปตามคาเชิญของประธานาธิบดีคาโรลอส ปาปูลิอาส ปธน.ปาปูลิอาสได้เชิญผู้นาจาก 4 พรรคการเมืองเข้าร่วมการหารือต่อไปในการจัดตั้งรัฐบาลในวันนี้ โดยทั้ง 4 พรรคได้แก่ พรรค New Democracy, Syriza, Pasok และ Democratic Left

-จีนอาจต้องมีแผนรองรับเพื่อปกป้องเศรษฐกิจที่กาลังเป็นอยู่โดยการสร้างความประหลาดใจไปที่ตลาดที่อยู่อาศัยและต่างประเทศ โดยชี้ให้เห็นว่านโยบายผ่อนคลายการเงินตั้งแต่ไตรมาสที่ 4 ปีที่ผ่านมาไม่เพียงพอที่จะต่อสู้กับเศรษฐกิจในภาวะถดถอย โดยธนาคารกลางจีนประกาศเมื่อวันเสาร์ว่าจะลดสัดส่วนการกันสารองของธนาคารพาณิชย์ (RRR) ลง 0.5% ซึ่งจะมีผลตั้งแต่วันที่ 18 พ.ค.นี้เป็นต้นไป การปรับลดสัดส่วนการกันสารองแบงก์พาณิชย์ครั้งล่าสุดนี้ ซึ่งนับเป็นครั้งที่ 2 ในปีนี้ จะส่งผลให้สัดส่วน RRR ของสถาบันการเงินขนาดใหญ่ของจีนลดลงมาอยู่ที่ระดับ 20% ขณะที่สถาบันการเงินขนาดกลางถึงขนาดเล็กจะอยู่ที่ระดับ 16.5%

-เจพี มอร์แกน เชส แอนด์ โค ได้ออกมาเปิดเผยว่า ธนาคารขาดทุนจากการทาธุรกิจเทรดดิ้งเป็นจานวนสูงถึง 2 พันล้านดอลลาร์ในช่วง 6 สัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งเจพีมอร์แกน เชส แอนด์ โค ถือเป็นหนึ่งในผู้ค้าทองคาแท่งรายใหญ่ ข่าวดังกล่าวจึงส่งผลต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุน

CGF

Price Movement

ราคาทองคาในตลาด COMEX ปิดที่ 1,584.00 USDต่อออนซ์ ลดลง 11.50 USDต่ออออนซ์ โดยมีความเคลื่อนไหวระหว่าง 1,572.00 - 1,595.20 USDต่อออนซ์ ราคาทองคาปรับตัวลดลงจากความกังวลในปัญหาหนี้ของยุโรป โดยล่าสุดการจัดตั้งรัฐบาลครั้งที่ 3 ของกรีซไม่สาเร็จ และมีความเป็นไปได้ว่ากรีซจะมีการเลือกตั้งใหม่ นอกจากนี้การประกาศตัวเลขในฝั่งยุโรปและจีนออกมาไม่ดี และมีการรายงานการขาดทุนจากการ trading ของธ.เจพี มอร์แกน ซึ่งเป็นผู้ค้าทองคารายใหญ่ ทาให้มีการขายสินทรัพย์เสี่ยง สินค้าโภคภัณฑ์และทองคาออกมา ค่าเงิน USD แข็งค่าขึ้น และราคาน้ามันปรับตัวลดลง กดดันราคาทองคาอย่างต่อเนื่อง สาหรับในช่วงเช้าวันนี้ราคาเคลื่อนไหวบริเวณ 1,581 USDต่อออนซ์ โดยได้รับแรงกดดันจากค่าเงิน USD ที่แข็งค่าขึ้นมาก คาดว่าวันนี้มีแนวรับบริเวณ 1,572 และถัดไปบริเวณ 1,565 ส่วนแนวต้านในวันนี้คาดว่ามีที่บริเวณ 1,595 และถัดไปที่ 1,605 แนะนานักลงทุนที่เล่นในระยะ 1 – 2 วัน Trading ในกรอบ 1,565 – 1,605 ส่วนในระยะสัปดาห์คาดว่ามีแนวต้านบริเวณ 1,612/1,630 และแนวรับบริเวณ 1,550 และถัดไป 1,522 กรอบความเคลื่อนไหวในระยะสัปดาห์คาดว่าอยู่ระหว่าง 1,522 – 1,630 USDต่อออนซ์

Technical Analysis

ภาพกราฟทางเทคนิคยังมีสัญญาณ bearish เมื่อไม่สามารถผ่านแนวต้านบริเวณ 1,605 คาดว่าวันนี้มีแนวโน้มอ่อนตัวลงมามีบริเวณแนวรับ 1,572/1,565 ส่วนแนวต้านคาดว่ามีที่บริเวณ 1,595/1,605 ภาพกราฟเป็นแนวโน้มขาลง คาดว่าเป้าหมายการลงอาจไปที่บริเวณ 1,550/1,522 นักลงทุนที่เปิด Short ไว้ถือต่อโดยมีเป้าหมายทากาไรบริเวณ 1,565/1,550

Recommendations

แนวโน้มระยะสั้น : อยู่ในกรอบ 1,550 – 1,620 Trading ในกรอบ 1,550 – 1,620

แนวโน้มระยะกลาง : อยู่ในกรอบ 1,550 – 1,800 แนะนา ถ้า rebound ขึ้นบริเวณ 1,605/1,612 แนะนาให้เปิด Short โดยมีเป้าหมายทากาไรบริเวณ 1,565/1,550

แนวโน้มระยะยาว : อยู่ในกรอบ 1,553 - 1920 แนะนา ทยอยเปิด Long เมื่อราคาอ่อนตัวบริเวณแนวรับ

Key Points in Precious Market

-ปัจจัยที่มีผลกระทบต่อราคาทองคา ได้แก่ ค่าเงินUSD แข็งค่า ( - ) ราคาน้ามันปรับตัวลดลง ( - ) ความกังวลในเรื่องหนี้สินของยุโรปและปัญหาการเมืองของกรีซ ( - ) ปัญหาในภาคธนาคารของสเปนทาให้ต้องมีการเพิ่มทุน ( - ) ค่าเงินบาทอ่อนค่าลง ( + )

-ประเด็นที่ต้องติดตาม การเมืองในกรีซซึ่งอาจมีการเลือกตั้งใหม่ และติดตามวากรีซจะปฏิบัติตามเงื่อนไขที่ให้ไว้กับ IMF หรือไม่ ซึ่งจะมีผลต่อการได้รับเงินช่วยเหลือในครั้งต่อไป การเจรจาระหว่าง P5+1 และอิหร่าน (23 พ.ค.) ความสามารถของสเปนในการจัดการฐานะการคลัง

-การรายงานตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐในสัปดาห์นี้ วันอังคาร ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือนเม.ย. ยอดค้าปลีกเดือนเม.ย. ดัชนีภาวะธุรกิจโดยรวม (Empire State Index) เดือนพ.ค. ข้อมูลเงินทุนไหลเข้าสุทธิและปริมาณการซื้อพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐของต่างชาติเดือนมี.ค. ตัวเลขสต็อกสินค้าคงคลังภาคธุรกิจเดือนมี.ค. วันพุธ ข้อมูลการเริ่มสร้างบ้านและการอนุญาตก่อสร้างเดือนเม.ย. ข้อมูลการผลิตในภาคอุตสาหกรรมและอัตราการใช้กาลังผลิตเดือนเม.ย. เฟด เปิดเผยรายงานการประชุมของคณะกรรมการกาหนดนโยบายการเงินเมื่อวันที่ 24-25 เม.ย. ตัวเลขสต็อกน้ามันรายสัปดาห์ วันพฤหัสบดี จานวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ ดัชนีชี้นาเศรษฐกิจสหรัฐเดือนเม.ย.

-SPDR ถือทองคาจานวนเท่าเดิม 1,277.11 ตัน

HGF

- ทองปิดลบเป็นสัปดาห์ที่ 2 ตลาดกังวลปัญหายุโรป

- สัปดาห์นี้ติดตามรายงานการประชุมเฟด

- คาดทองฟื้นระยะสั้นรับข่าวจีนลดกันสำรอง

ราคาทองคำปรับตัวลงเข้าใกล้แนวรับสำหรับเก็งกำไรระยะสั้นบริเวณ 1,575-1,580 ดอลลาร์ก่อนที่จะเริ่มฟื้นตัวกลับ แต่ด้วยแรงซื้อส่วนใหญ่เป็นแรงซื้อเก็งกำไรระยะสั้น ช่วงที่ราคาทองดีดตัวขึ้นจึงมีแรงขายสลับออกมาจนทำให้ราคาทองยังไม่สามารถผ่านแนวต้านบริเวณ 1,595 ดอลลาร์ขึ้นไปได้ แรงกดดันจากประเด็นปัญหาต่างๆจากยุโรปทั้งกรณีของกรีซที่มีความเป็นไปได้ว่าจะต้องมีการจัดการเลือกตั้งใหม่ รวมทั้งรายงานตัวเลขเศรษฐกิจที่มีสัญญาณชะลอตัว ทำให้ราคาทองคงยังฟื้นตัวขึ้นได้ในกรอบจำกัด แต่ในช่วงที่ราคาปรับตัวลงนั้น ด้วยราคาที่ปรับตัวลงมามาก ก็จะมีแรงซื้อเก็งกำไรกลับเข้ามา จนราคามีแนวโน้มที่จะแกว่งตัวขึ้นลงอยู่ระหว่าง 1,575-1,600 ดอลลาร์เพื่อรอปัจจัยใหม่ ซึ่งในช่วงต้นสัปดาห์คาดว่าราคาทองมีแนวโน้มที่จะแกว่งตัวแคบและอาจเริ่มดีดตัวกลับ หลังจากสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ธนาคารกลางของจีนได้ประกาศปรับลดการกันสำรองของธนาคารพาณิชย์จีนลง 0.5% จากระดับปัจจุบันที่ 20.5% ลงมาอยู่ที่ 20.0% โดยจะมีผลในวันพฤหัสที่ 18 พฤษภาคมนี้ ส่วนการรายงานตัวเลขเศรษฐกิจและประเด็นสำคัญที่ตลาดให้ความสนใจในสัปดาห์นี้อยู่ที่การประมูลพันธบัตรรัฐบาลของประเทศต่างๆในยุโรป รวมทั้งรายงานการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐในช่วงกลางสัปดาห์ หากมีสัญญาณว่าจะมีการผ่อนคลายนโยบายการเงินจากธนาคารกลางสหรัฐ ก็จะเป็นปัจจัยบวกที่ทำให้ราคาทองดีดตัวขึ้นได้อีกครั้ง โดยในระหว่างวันคาดว่าราคาทองน่าจะดีดตัวขึ้นตอบรับการปรับลดการกันสำรองของจีนโดยมีแนวต้านอยู่ที่บริเวณ 1,590-1,595 และ 1,610-1,615 ดอลลาร์ ซึ่งยังเป็นระดับแนวต้านเดียวกับเมื่อวันศุกร์และหากผ่านแนวต้านหลังขึ้นไปได้ ก็จะเป็นสัญญาณการฟื้นตัวของราคาทองในทางเทคนิค และคาดว่าราคาจะกลับขึ้นไปเคลื่อนไหวที่บริเวณ 1,630 ดอลลาร์ ได้ต่อไป ส่วนราคาโลหะเงินปรับฐานลงไปต่ำกว่าแนวรับบริเวณบริเวณ 28.50-28.60 ดอลลาร์ ในช่วงสั้นๆก่อนที่จะเริ่มมีแรงซื้อเก็งกำไรกลับเข้ามาจนราคาเริ่มดีดตัวกลับ และมีแนวโน้มในระยะสั้นว่าจะมีการฟื้นตัวขึ้นได้ต่อ หากผ่านแนวต้านบริเวณ 29.10-29.20 ดอลลาร์ ขึ้นไปได้ ก็จะเป็นสัญญาณซื้อยืนยันการฟื้นตัวของราคาที่คาดว่าจะเกิดขึ้นได้ต่อไป

Gold Future (June)

คาดว่าราคาทองยังมีแนวโน้มที่จะดีดตัวขึ้นไปเคลื่อนไหวที่แนวต้านบริเวณ1,595 ดอลลาร์ และ 1,610 ดอลลาร์ ตามลำดับได้ จากประเด็นข่าวเรื่องการลดการกันสำรองของจีน จึงสามารถเลือกเปิดสถานะซื้อเก็งกำไรได้ต่อไป โดยมีจุดปิดสถานะตัดขาดทุนอยู่ที่บริเวณ 1,570-1,575 ดอลลาร์

Silver Future (June)

คาดว่าราคาโลหะเงินมีแนวโน้มที่จะดีดตัวขึ้นได้ต่อ โดยมีแนวต้านของวันอยู่ที่บริเวณ 29.10-29.20 ดอลลาร์ หากผ่านแนวต้านดังกล่าวขึ้นไปได้ ก็จะเป็นสัญญาณซื้อสำหรับเก็งกำไรรอบใหม่ และสามารถเปิดสถานะซื้อได้ในช่วงที่ราคาผ่านแนวต้านบริเวณดังกล่าว รวมทั้งช่วงที่ราคาปรับตัวลงมายังแนวรับบริเวณ 28.50 ดอลลาร์ โดยมีจุดปิดสถานะตัดขาดทุนอยู่ที่บริเวณ 28.30-28.40 ดอลลาร์