Home Product

รวบรวมบทวิเคราะห์ทองจากบลจ.ต่างๆประจำวันที่ 21 มิถุนายน 2555

รวบรวมบทวิเคราะห์ทองจากบลจ.ต่างๆประจำวันที่ 21 มิถุนายน 2555

CGF

Price Movement

ราคาทองคาในตลาด COMEX ปิดที่ 1,615.00 USDต่อออนซ์ ลดลง 7.40 USDต่ออออนซ์ โดยมีความเคลื่อนไหว ระหว่าง 1,590.50 - 1,623.60 USDต่อออนซ์ ราคาทองคาปรับตัวลดลงหลังจากเฟดไม่ได้ประกาศมาตรการ QE 3 และเฟด ได้ปรับลดการคาดการณ์การขยายตัวทางเศรษฐกิจลง แต่ราคาทองคาปิดปรับตัวลดลงไม่มากนัก ท่ามกลางการซื้อขายที่ ผันผวนระหว่างวัน โดยยังสามารถกลับมายืนเหนือ 1,600 ได้ หลังจากลงไปทา low ระหว่างวันที่ 1,590 โดยไม่ได้ปรับตัว ลดลงแรงเหมือนกับครั้งที่ผ่านๆมา เนื่องจากในครั้งนี้ไม่ได้มีความคาดหวังเรื่อง QE3 มากนัก และส่วนใหญ่คาดว่าจะเป็น การออก Operation Twist มากกว่า เฟดประกาศต่ออายุมาตรการ Operation Twist ออกไปจนถึงสิ้นปีนี้ ด้วยการขาย พันธบัตรระยะสั้น 3 ปี และเข้าซื้อพันธบัตรระยะยาว 6 ปีในจานวนเงินที่เท่ากัน 2.67 แสนล้านUSD จนถึงสิ้นปีนี้ ตลาดหุ้น สหรัฐปรับตัวลดลงเล็กน้อย ราคาน้ามันร่วงลงแรง จากสต๊อคน้ามันดิบที่เพิ่มขึ้น อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสเปน อายุ 10 ปีลดลงเหลือ 6.9% สาหรับในช่วงเช้าวันนี้ราคาทองคาเคลื่อนไหวอยู่ที่บริเวณ 1,601 คาดว่าวันนี้มีโอกาสอ่อนตัว ลงต่อ แนะนา นักลงทุนเปิด Short บริเวณ 1,605/1,615 โดยมีเป้าหมายทากาไรบริเวณ 1,560/1,550 โดยมีจุด Stop loss

Technical Analysis

ภาพกราฟทางเทคนิคราคาอ่อนตัวลงมาที่แนวรับบริเวณ 1,590 แล้วดีดกลับได้โดยไม่ทา high ที่บริเวณ 1,620 แล้วถูกขายทากาไรอีกครั้ง ภาพความ เคลื่อนไหวอยู่ในกรอบ Side way โดยมีแนวรับบริเวณ 1,590/1,560/1,550 ส่วนแนวต้านมีที่บริเวณ 1,605/1,614 ถ้าวันนี้ไม่สามารถยืนเหนือ 1,590 ได้ ภาพในระยะสั้นจะเป็นขาลง แนะนานักลงทุนเปิด Short บริเวณแนวต้าน 1,605/1,614 โดยมีเป้าหมายทากาไรบริเวณ 1,560/1,550 โดยมีจุด Stop loss บริเวณ 1,622

Recommendations

แนวโน้มระยะสั้น : อยู่ในกรอบ 1,609– 1,650 แนะนา เปิด Short โดยมีเป้าหมายทา กาไรบริเวณ 1,560/1,550

แนวโน้มระยะกลาง : อยู่ในกรอบ 1,550 – 1,800 แนะนา Trading ในกรอบ

แนวโน้มระยะยาว : อยู่ในกรอบ 1,500 - 1850

Key Points in Precious Market

ปัจจัยที่มีผลกระทบต่อราคาทองคา ได้แก่ ค่าเงินUSD แข็งค่าขึ้น ( - ) ราคาน้ามันปรับตัวลดลง ( - ) ปัญหาภาคธนาคารของสเปน ( + ) ความต้องการถือทองคาในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย ( + ) เฟดไม่ได้ออกมาตรการ QE 3 ( - )

ประเด็นที่ต้องติดตาม การจัดตั้งรัฐบาลของกรีซพรรคที่สนับสนุนมาตรการรัดเข็มขัดได้รับการเลือกตั้ง ทาให้กรีซไม่ต้องออกจากยูโรโซน ความสามารถของสเปนในการจัดการฐานะการคลัง การประชุมของฝรั่งเศส/เยอรมัน/อิตาลี/สเปน (22 มิ.ย.) การประชุมสุดยอดอียูที่กรุงบรัสเซลส์ (28-29 มิ.ย.)

การรายงานข้อมูลเศรษฐกิจที่สาคัญของสหรัฐในสัปดาห์ วันพฤหัสบดี จานวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ ดัชนีชี้นาเศรษฐกิจสหรัฐเดือนพ.ค. ยอดขายบ้านมือสองเดือนพ.ค. แนวโน้มธุรกิจเดือนมิ.ย.

SPDR ถือทองคาจานวนเท่าเดิม 1,281.62 ตัน

HGF

- ทองผันผวนก่อนปิดลบเป็นวันที่ 2

- FED ต่ออายุ Operation Twist จนถึงสิ้นปีแต่ยังไม่มีสัญญาณ QE3

- คาดทองปรับฐานต่อแนวรับระยะสั้น 1,580 และ 1,590 ดอลลาร์

- ราคาทองคำแกว่งตัวผันผวนในการซื้อขายช่วงค่ำโดยมีแรงขายออกมามากก่อนที่จะทราบผลการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐจนราคาทองคำปรับฐานลงไปเคลื่อนไหวต่ำกว่าแนวรับจิตวิทยาบริเวณ 1,600 ดอลลาร์ ก่อนที่จะเริ่มมีแรงซื้อกลับเข้ามา แต่เมื่อราคากลับเข้าใกล้แนวต้านบริเวณ 1,620 ดอลลาร์ ก็กลับมีแรงขายออกมามากอีกจนทำให้ราคาทองปิดตลาดปรับตัวลงเป็นวันที่ 2 ติดต่อกัน และยังคงทรงตัวอยู่ที่บริเวณ 1,600-1,605 ดอลลาร์ ต่อเนื่องมาจนถึงช่วงเช้านี้

 ราคาสินทรัพย์ทางการเงินอื่นๆต่างมีการเคลื่อนไหวผันผวนเช่นเดียวกันกับราคาทอง โดยคาดว่าเป็นการซื้อขายเก็งกำไรจากคำแถลงการณ์ของประธานธนาคารกลางของสหรัฐ ที่ยังไม่มีความชัดเจนเรื่องการออกมาตรการผ่อนคลายทางการเงินเพิ่มเติม โดยมีเพียงการต่ออายุมาตรการ Operation Twist ซึ่งเป็นการขายพันธบัตรรัฐบาลอายุสั้นและซื้อพันธบัตรรัฐบาลระยะยาวเพื่อกดดันให้ดอกเบี้ยระยะยาวปรับตัวลง หลังจากมาตรการนี้กำลังจะหมดอายุในช่วงสิ้นเดือนนี้

 การต่ออายุมาตรการ Operation Twist ไปจนถึงสิ้นปีนั้น เป็นไปตามที่ตลาดประเมิน ส่วนการออกมาตรการผ่อนคลายทางการเงินเพิ่มเติมรอบใหม่นั้นยังไม่มีความชัดเจนจากคำแถลงของประธานธนาคารกลางสหรัฐในการแถลงช่วงดึกที่ผ่านมา โดยธนาคารกลางสหรัฐได้ปรับลดเป้าหมายทางเศรษฐกิจในปีนี้ลง และมีเพียงคำแถลงที่ยืนยันถึงความพร้อมที่จะปกป้องเศรษฐกิจของสหรัฐหากปัญหาในยุโรปเลวร้ายลง ซึ่งโดยรวมแล้วไม่ได้แตกต่างไปจากที่ตลาดประเมิน

 การเคลื่อนไหวของราคาทองในช่วงนี้ยังมีแนวโน้มที่จะปรับตัวลงต่อ เนื่องจากยังไม่มีความชัดเจนเรื่องการออกมาตรการผ่อนคลายทางการเงินจากธนาคารกลางสหรัฐ แต่ด้วยรายงานตัวเลขเศรษฐกิจของสหรัฐที่มีสัญญาณชะลอตัว ประกอบกับปัญหาหนี้สาธารณะของยุโรปที่ยังมีความไม่แน่นอน หากราคาทองปรับตัวลงไปต่ำกว่า 1,600 ดอลลาร์ คาดว่าจะเริ่มมีแรงซื้อกลับเข้ามา

 ภาพเทคนิคของทั้งราคาทองและโลหะเงินเกิดสัญญาณขายขึ้นจากเครื่องมือทางเทคนิค การเคลื่อนไหวของราคาโลหะทั้ง 2 ชนิด ในช่วงนี้จึงอาจกลับมาอยู่ในช่วงอ่อนตัว โดยมีแนวรับของวันอยู่ที่บริเวณ 1,590 และ 1,580 ดอลลาร์ สำหรับราคาทอง หากไม่สามารถยืนเหนือแนวรับหลัง ก็จะเป็นการยืนยันสัญญาณขายที่เกิดขึ้นในช่วงต้นสัปดาห์ ก่อนที่ราคาจะปรับตัวลงไปยังแนวรับบริเวณ 1,560 และ 1,540 ดอลลาร์ตอ่ ไป ส่วนราคาโลหะเงินมีแนวรับในระหว่างวันอยู่ที่บริเวณ 27.50-27.70 ดอลลาร์ และ 27.0 ดอลลาร์ตามลำดับ โดยมีแนวต้านของวันอยู่ที่บริเวณ 1,610-1,615 ดอลลาร์สำหรับราคาทอง และ 28.30-28.50 ดอลลาร์สำหรับราคาโลหะเงิน โดยต้องระวังแรงขายที่อาจมีกลับออกมาหากราคาโลหะทั้ง 2 ชนิด ดีดตัวขึ้นเข้าใกล้แนวต้านบริเวณดังกล่าว

Gold Future (June)

ราคาทองปรับตัวลงหลังจากในระหว่างวันปรับตัวขึ้นเข้าใกล้แนวต้านบริเวณ 1,625ดอลลาร์ และแม้ในช่วงค่ำจะมีแรงซื้อเก็งกำไรกลับเข้ามาก็ยังไม่สามารถผ่านแนวต้านบริเวณดังกล่าวขึ้นไปได้ และคาดว่าราคายังมีแนวโน้มที่จะปรับตัวลงต่อ ดังนั้นหากในระหว่างวันราคาดีดตัวขึ้นเข้าใกล้แนวต้านที่ลดระดับลงมาอยู่ที่บริเวณ 1,610-1,615ดอลลาร์ และมีสถานะซื้ออยู่ควรปิดสถานะออกไปก่อน และอาจเลือกเก็งกำไรฝั่งขายจากแนวต้านบริเวณดังกล่าว โดยมีจุดปิดสถานะตัดขาดทุนอยู่ที่บริเวณ 1,620-1,625ดอลลาร์ และหากราคาอ่อนตัวลงเข้าใกล้แนวรับบริเวณ 1,585-1,590 ดอลลาร์ จึงจะสามารถเลือกเก็งกำไรฝั่งซื้อจากการดีดตัวกลับ โดยมีจุดปิดสถานะตัดขาดทุนฝั่งซื้อรวมทั้งเปิดสถานะขายเก็งกำไรในกรณีที่ราคาปรับตัวลงไปต่ำกว่า 1,580 ดอลลาร์

Silver Future (June)

ราคาโลหะเงินดีดตัวขึ้นเข้าใกล้แนวต้านบริเวณ 28.60-28.70ดอลลาร์ ซึ่งเป็นจุดปิดสถานะขายตัดขาดทุนก่อนที่จะมีแรงขายกลับออกมามากจนราคาปรับตัวลงมาเคลื่อนไหวต่ำกว่า 28.0 ดอลลาร์และยังมีแนวโน้มที่ราคาจะปรับตัวลงต่อ หากราคากลับดีดตัวขึ้นในระหว่างวันสามารถเลือกเปิดสถานะขายเก็งกำไรจากแนวต้านบริเวณ 28.20-28.30 ดอลลาร์ รวมทั้งกรณีที่ราคาปรับตัวลงไปต่ำกว่าแนวรับบริเวณ 27.50-27.70 ดอลลาร์ โดยมีจุดปิดสถานะตัดขาดทุนสถานะขายอยู่ที่บริเวณ 28.50-28.60 ดอลลาร์