Home Product

รวบรวมบทวิเคราะห์ทองจากบลจ.ต่างๆประจำวันที่ 19 กรกฎาคม 2555

รวบรวมบทวิเคราะห์ทองจากบลจ.ต่างๆประจำวันที่ 19 กรกฎาคม 2555

MTS

วิเคราะห์ทางเทคนิคช่วงเช้า

Gold- ราคาทองคา ยังเป็นการแกว่งตัวในทิศทาง Sideway down ตามที่ได้วิเคราะห์ไปก่อนหน้านี้แล้ว อัน จะเห็นได้ว่า ราคาทองคาค่อยๆ ปรับตัว ลดลงตามแรงกดดันของสภาวะเศรษฐกิจของยุโรปยังไม่ฟื้ นตัว ซึ่งน่าจะเป็นสาเหตุกดดันอีก นาน และจะเห็นได้ว่า จากการอภิปรายตอบคาถามของ นายเบอร์นันเกต่อรัฐสภาก็ไม่ได้มีการแถลงในเรื่องของ QE3 แต่ อย่างใด โดยภาพรวมจึงยังมองว่า ราคาทองคายังเป็นลักษณะของ Sideway down อย่างช้าๆ MTS Gold จึงแนะนาให้นัก ลงทุนในทองคาแท่งและ Gold Futures ทากาไรในทิศ ทางขาลง โดยหาจังหวะในการขายก่อนเมื่อราคาขึ้นมาสู่บริเวณ แนวต้านแล้วค่อยซื้อกลับปิดสถานะ และ นักลงทุนใน ทองคาแท่งก็ใช้กลยุทธ์ในการยืมทองคาของตัวท่านเองที่ติดสูง อยู่ แล้วซื้อกลับ น่าจะ ดีกว่า อ ย่างไรก็ดีการใช้กลยุทธ์ดังกล่าว นักลงทุนจาเป็นที่จะต้องติดตามและก็คอยเฝ้ าดูราคาอย่าง ใกล้ชิดเช่นเดียวกัน และพร้อมที่จะทา Stop loss เมื่อราคากลับทิศทาง วิเคราะห์ได้ว่าโดยภาพรวม แนวต้านด้านบนจะอยู่ ที่ระดับ 1,600 เหรียญ แนวรับด้านล่างอยู่ที่ระดับ 1,570 เหรียญเป็นแนวรับ ระยะสั้นแรก และ ระดับ 1,560 เหรียญเป็นแนว รับที่ 2

คำแนะนำการลงทุน

Daily

เก็งกาไรในภาวะการแกว่งตัวในกรอบแคบๆ ระหว่าง 1,570 – 1,585 เหรียญ หรือในกรอบ ของราคาทองคาแท่งในกรอบ 23,500 – 23,750 บาท/บาททองคา

Weekly

ยังเป็นลักษณะการแบ่งพอร์ท 20% ทา กาไรในทิศทางขาลงในบางช่วงที่ราคา ปรับตัวสูงขึ้น

Monthly

บริหารพอร์ทในทิศทางขาลงเช่นเดียวกัน

Gold Recap

Morning Recap

ราคาทองคาต่างประเทศเปิดที่ระดับ 1,583 เหรียญ/ออนซ์ Gold Futures Q12 เปิดที่ 23,990 บาท สมาคมค้าทองแท่งเปิดที่ 23,650 บาท

Night Recap

ราคาทองคาเปิดตลาดช่วงค่าในประเทศไทยที่ระดับ 1,576 เหรียญ โดยราคาเคลื่อนตัวอยู่ระหว่าง 1,567 – 1,583 เหรียญ ก่อนกลับมาปิดตลาดที่ 1,580 เหรียญ ในเวลาประเทศไทย

ข่าวที่สำคัญ

-ราคาทองคาปรับตัวลดลงเมื่อคืนนี้ หลังจากนายเบน เบอร์นันเก ประธานเฟด ไม่ได้ส่งสัญญาณที่ชัดเจนว่าจะมีการใช้มาตรการใดเพื่อนามาช่วยเหลือการฟื้นฟูเศรษฐกิจสหรัฐและยังแสดงความกังวลเกี่ยวกับวิกฤตหนี้ยูโรโซนที่ยังคงอยู่ โดยเมื่อคืนนี้นายเบน เบอร์นันเก้ ได้ทา Testimony เป็นวันที่ 2 ต่อคณะกรรมาธิการการเงินของสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐ ซึ่งก่อนหน้านี้เขาได้กล่าวต่อคณะกรรมาธิการว่า ธนาคารกลางมีความต้องการที่จะออกแผนกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหม่หากสภาพเศรษฐกิจอ่อนแอลงมากกว่านี้ อย่างไรก็ตาม เขาไม่ได้ระบุชัดเจนว่าเมื่อไหร่ที่จะมีการใช้มาตรการดังกล่าว

-กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ตัวเลขการเริ่มสร้างบ้านเพิ่มขึ้น 6.9% ในเดือนมิถุนายนเมื่อเทียบกับเดือนพ.ค. สู่ระดับ 760,000 ยูนิต มากกว่าการคาดการณ์ที่ระดับ 740,000 ยูนิต และเป็นระดับสูงสุดตั้งแต่เดือนตุลาคม ปี 2008 ทั้งนี้ตัวเลขการเริ่มสร้างบ้านพุ่งขึ้นถึง 23.6% เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีที่แล้ว บ่งชี้ว่าตลาดอสังหาริมทรัพย์ดีขึ้นแล้ว หลังจากที่เป็นตัวถ่วงเศรษฐกิจสหรัฐมาหลายปี ในขณะที่ตัวเลข Building Permits ลดลงสู่ระดับ 0.74 ล้านยูนิต จากระดับ 0.78 ล้านยูนิต

-เฟดได้เปิดเผยในรายงานสรุปภาวะเศรษฐกิจ หรือ Beige Book ว่าเศรษฐกิจสหรัฐมีการขยายตัว “เล็กน้อยถึงปานกลาง" ในเดือนมิ.ย.และต้นเดือนก.ค. แต่สถานการณ์การจ้างงานทั่วประเทศปรับตัวดีขึ้นไม่มากนัก ซึ่งเฟดตั้งข้อสังเกตว่ายอดค้าปลีกเพิ่มขึ้นเล็กน้อยในพื้นที่ส่วนใหญ่ และกิจกรรมการผลิตยังคงขยายตัวเชื่องช้าในเขตส่วนใหญ่ของสหรัฐ นอกจากนี้ รายงานระบุว่า ตลาดที่อยู่อาศัยปรับตัวดีขึ้นในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา และความต้องการเงินกู้โดยรวมขยายตัวเล็กน้อยในพื้นที่ส่วนใหญ

-นายกรัฐมนตรีแองเกล่า แมร์เคล ของเยอรมนี กล่าวว่า “แผนกู้วิกฤตยุโรป" ยังตกอยู่ในภาวะเสี่ยง หากผู้มีส่วนกาหนดนโยบายไม่พยายามให้มากกว่านี้ ตลาดจึงทวีความกังวลว่า สุดท้ายแล้วก็ยังไม่มีวิธีที่จะกู้วิกฤตหนี้ยูโรโซนได้ ในขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรเยอรมนีลดลงสู่ระดับต่าสุดในรอบ 6 สัปดาห์ และการประมูลขายพันธบัตรอายุ 2 ปีของเยอรมนีมีอัตราผลตอบแทนติดลบเป็นครั้งแรกจากความกังวลเกี่ยวกับยูโรโซนได้กระตุ้นให้นักลงทุนแห่หาสินทรัพย์ที่ปลอดภัย

-เช้านี้ ไอเอ็มเอฟได้กล่าวในรายงานว่า อีซีบีควรมีบทบาทมากกว่านี้ในการต่อสู้กับวิกฤตหนี้สาธารณะยูโรโซนผ่านการลดอัตราดอกเบี้ย การเข้าซื้อพันธบัตร และการจัดหาสภาพคล่องเพิ่มเติม

-ค่าพรีเมี่ยมของอินเดียในสัปดาห์นี้อยู่ที่ประมาณ 1.5 เหรียญต่อออนซ์ เพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากสัปดาห์ที่ผ่านมาที่ระดับ 1 – 1.5 เหรียญ อย่างไรก็ตาม ยอดนาเข้าทองคาของอินเดียวลดลงมากกว่าครึ่งในไตรมาสที่ 2 และอาจลดลงอีกหนึ่งในสามในไตรมาสถัดไป ตามที่ราคามีสูงกว่าปกติจากการอ่อนค่าของสกุลเงินรูปี รวมไปถึงภาษีนาเข้าทองคา 4% ได้กระตุ้นให้เทรดเดอร์ซื้อขายเพียงเล็กน้อย

-สานักงานสารสนเทศด้านพลังงานของรัฐบาลกลางสหรัฐ (EIA) เปิดเผยว่า สต็อกน้ามันดิบและน้ามันกลั่นปรับตัวลดลงในรอบสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งบ่งชี้ว่าความต้องการพลังงานในสหรัฐยังคงแข็งแกร่ง นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับปัจจัยบวกจากการที่นายเบน เบอร์นันเก้ ยืนยันว่าเฟดพร้อมที่จะใช้มาตรการที่จาเป็นในการกระตุ้นเศรษฐกิจ

HGF

- ทองร่วงต่อเนื่องเป็นวันที่ 2

- ตลาดผิดหวังเบอร์นันเก้ไม่มีสัญญาณทำ QE ในเร็วๆนี้

- คาดทองแกว่งตัวแคบรอปัจจัยใหม่

 ราคาทองปรับตัวลงเป็นวันที่ 2 หลังจากไม่มีปัจจัยบวกหรือลบใหม่ๆ เข้ามากระทบตลาด รวมทั้งคำแถลงของประธานธนาคารกลางสหรัฐในวันที่ 2 ไม่มีประเด็นใหม่ที่ทำให้ตลาดมั่นใจว่าจะมีการออกมาตรการผ่อนคลายทางการเงินในช่วงนี้ แต่ด้วยรายงานภาวะเศรษฐกิจของสหรัฐจาก Beige Book ก็ยังทำให้ตลาดมั่นใจว่าธนาคารกลางของสหรัฐคงต้องมีการออกมาตรการผ่อนคลายทางการเงินเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจในอนาคต

 รายงานสรุปภาวะเศรษฐกิจของสหรัฐสะท้อนให้เห็นถึงปัญหาต่างๆที่อาจกระทบต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ ทำให้นักลงทุนมั่นใจว่าจะมีการผ่อนคลายนโยบายการเงิน แต่นักลงทุนได้ตั้งความหวังว่าในการแถลงการณ์ของประธานธนาคารกลางสหรัฐในครั้งนี้น่าจะมีประเด็นที่สามารถนำมาคาดการณ์ได้ว่า จะมีการออกมาตรการในช่วงเวลาใด แต่เมื่อในคำแถลงการณ์ไม่มีความชัดเจนในประเด็นนี้ จึงทำให้มีแรงขายกลับออกมา

 คาดว่าราคาทองและราคาโลหะเงินจะแกว่งตัวแคบลงเพื่อรอปัจจัยใหม่ โดยในระยะสั้นคงต้องระวังแรงขายที่อาจมีกลับออกมา ภายหลังคำแถลงของประธานธนาคารกลางสหรัฐสร้างความผิดหวังต่อนักลงทุนที่เคยซื้อเก็งกำไรจากประเด็นนี้ รวมทั้งสถานการณ์ในยุโรปที่อาจกลับมากดดันการเคลื่อนไหวของราคาทองผ่านการอ่อนค่าของเงินยูโร

 การเคลื่อนไหวของราคาทองและราคาโลหะเงินยังไม่มีปัจจัยบวกหรือลบใหม่ๆที่จะมีผลต่อการเคลื่อนไหวของราคาโลหะทั้ง 2 ชนิด อย่างมีนัยสำคัญ ดังนั้นปัจจัยทางเทคนิคจึงกลับมามีอิทธิพลต่อการเคลื่อนไหวของราคาทองและโลหะเงินมากขึ้น ภาพการเคลื่อนไหวของราคาทองที่ปรับตัวลงติดต่อกัน 2 วัน จึงเริ่มมีสัญญาณการอ่อนแรงเกิดขึ้น โดยมีแนวรับสำหรับซื้อเก็งกำไรอยู่ที่บริเวณ 1,555-1,560 ดอลลาร์ หากไม่สามารถยืนเหนือแนวรับนี้ได้ คาดว่าจะมีแรงขายกลับออกมามาก จนราคาปรับตัวลงไปสร้างฐานใหม่ที่แนวรับบริเวณ 1,530-1,540 ดอลลาร์ต่อไป ส่วนการฟื้นตัวกลับในระหว่างวัน มีแนวต้านอยู่ที่บริเวณ 1,583-1,585 ดอลลาร์ ซึ่งยังต้องระวังแรงขายที่จะมีกลับออกมา ส่วนราคาโลหะเงินคาดว่าจะแกว่งตัวอยู่ระหว่าง 26.50-27.50 ดอลลาร์ ในกรณีที่ราคาไม่สามารถยืนเหนือแนวรับบริเวณ 26.50 ดอลลาร์ คาดว่าจะมีแรงขายกลับออกมามาก จนราคาปรับตัวลงไปยังแนวรับบริเวณ 26.0 และ 25.60 ดอลลาร์

Gold Future (August)

ราคาทองปรับตัวลงสู่แนวรับของวานนี้ที่บริเวณ 1,565-1,570 ดอลลาร์ก่อนที่จะเริ่มดีดตัวกลับในการซื้อขายช่วงค่ำ แต่ก็มีแรงขายกลับออกมามาก จนราคากลับปรับตัวลงมาเคลื่อนไหวที่แนวรับบริเวณ 1,570ดอลลาร์ อีกครั้ง ภาพเทคนิคของราคาทองเริ่มมีสัญญาณการอ่อนแรงของราคาทอง ดังนั้นการเปิดสถานะซื้อเก็งกำไรจากแนวรับนี้ ควรตั้งจุดปิดสถานะซื้อตัดขาดทุนในกรณีที่ราคาปรับตัวลงไปต่ำกว่า 1,555-1,560 ดอลลาร์ หรืออาจเลือกเก็งกำไรฝั่งขายในช่วงที่ราคาปรับตัวลงไปต่ำกว่าบริเวณดังกล่าว

Silver Future (August)

ราคาโลหะเงินอ่อนตัวลงสู่แนวรับ 26.80-27.0 ดอลลาร์ ก่อนที่จะดีดตัวกลับขึ้นไปเคลื่อนไหวที่แนวต้านบริเวณ 27.30-27.50 ดอลลาร์และยังมีแนวโน้มว่าราคาจะเคลื่อนไหวในลักษณะนี้ต่อไป หากราคาปรับตัวลงสู่แนวรับบริเวณ 26.80-27.0 ดอลลาร์ จึงสามารถเลือกเปิดสถานะซื้อเก็งกำไรการดีดตัวกลับ โดยตั้งจุดปิดสถานะตัดขาดทุนหรือกลับมาเปิดสถานะขายเก็งกำไรในช่วงที่ราคาปรับตัวลงไปต่ำกว่าแนวรับบริเวณ 26.50 ดอลลาร์