MTS
วิเคราะห์ราคาทางเทคนิคช่วงเช้า
Gold- ราคาทองคาโดยภาพรวมในระยะสั้นเป็นการปรับตัวในทิศทางขาขึ้น โดยที่ราคาสามารถยืนขึ้นเหนือระดับ 1,610 เหรียญ ซึ่งถือว่า เป็นแนวต้านสาคัญ โดยที่ราคาได้รับแรงบวกจากข่าวการเข้ากระตุ้นกองทุนต่างๆ ของอีซีบีโดยการเพิ่มเงินที่จะเข้าช่วยยูโรโซนตาม คาพูดของนายดรากีซึ่งเป็นประธานของอีซีบี ดังนั้นตลาดโดยภาพรวมก็คงจะต้องความหวังในเรื่อง QE3 อีกครั้งในการประชุม FOMC ซึ่ง น่าจะมีถ้อยแถลงในคืนวันพุธที่ 1 สิงหาคม ในทางเทคนิคแล้วสัญญาณทางเทคนิคระยะสั้นเริ่มเป็นสัญญาณบวก ในขณะที่ระยะยาว สัญญาณเริ่มเป็นสัญญาณบวกเช่นกัน รอความชัดเจนถ้าราคาสามารถทะลุ 1,632 เหรียญขึ้นไปได้จะถือว่าตลาดเริ่มเข้าสู่ภาวะขาขึ้น ซึ่ง ถือว่าเป็นแนวต้านสุดท้าย ในขณะที่ในระยะสั้นของวันนี้อาจจะเป็นไปได้ที่ราคามีการร่วงลงมาก่อน โดยมีแนวรับที่ระดับ 1,610 เหรียญ และแนวต้านอยู่ที่ระดับ 1,627 เหรียญ
สรุปได้ว่า มองว่าในระยะยาวมากกว่า 1 เดือนจะเป็นทิศทางแนวโน้มขาขึ้น แนะนาให้ปรับ position เป็น long ทั้งหมด
คำแนะนำการลงทุน
Daily
เก็งกาไรในภาวะการแกว่งตัว ซึ่งอาจจะมีการ แกว่งปรับลดลงมาก่อนในวันนี้ โดยมีแนวรับ สาคัญอยู่ที่ระดับ 1,610 เหรียญ และแนวต้านอยู่ ที่ระดับ 1,627 เหรียญ
Weekly
เริ่มเข้าช้อนซื้อบริเวณแนวรับ พอร์ท 20% เป็น Long Position
Monthly
ปรับพอร์ทเป็น 20% หลังจากที่ให้เข้าซื้อมาสอง วัน มีแนวรับอยู่ที่ระดับ 1,600 เหรียญ
Gold Recap
Morning Recap
ราคาทองคาต่างประเทศเปิดที่ระดับ 1,613 เหรียญ/ออนซ์ Gold Futures Q12 เปิดที่ 24,300 บาท สมาคมค้าทองแท่งเปิดที่ 24,000 บาท
Night Recap
ราคาทองคาเปิดตลาดช่วงค่าในประเทศไทยที่ระดับ 1,627 เหรียญ โดยราคาเคลื่อนตัวอยู่ระหว่าง 1,619 – 1,628 เหรียญ ก่อนกลับมาปิดตลาดที่ 1,619 เหรียญ ในเวลาประเทศไทย
ข่าวที่สำคัญ
-ราคาทองคาขึ้นไปทาจุดสูงสุดในรอบหนึ่งเดือนเมื่อวันศุกร์ ด้วยการที่ตลาดหันกลับมาสนใจเฟดว่าจะมีการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจหรือไม่ หลังจากที่มีการประกาศตัวเลขจีดีพีไตรมาสที่ 2 ของสหรัฐออกมาขยายตัวเพียง 1.5% ซึ่งน้อยกว่าครั้งก่อนที่ขยายตัว 1.9% แม้จะตรงตามที่คาดการณ์ไว้ก็ตาม อีกทั้งการประกาศตัวเลขความเชื่อมั่นของสหรัฐก็ออกมาอ่อนแอเช่นกัน โดยสัญญาทองคาตลาด COMEX ส่งมอบเดือนตุลาคมปรับตัวสูงขึ้น 3.5 เหรียญ ปิดตลาดที่ระดับ 1,623 เหรียญ โดยขึ้นไปทาจุดสูงสุดประมาณ 1,629 เหรียญ ระดับสูงสุดตั้งแต่ต้นเดือนมิถุนายน ซึ่งก่อนหน้านี้ได้รับแรงกระตุ้นจากการให้สัญญาของนายมาริโอ ดรากีเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมาว่า อีซีบีจะทาทุกอย่างเพื่อปกป้องสกุลเงินยูโร และในช่วงบ่ายวันศุกร์ หนังสือพิมพ์ฝรั่งเศสมีการคาดการณ์ว่า กองทุนช่วยเหลือทางการเงินของอีซีบีและสหภาพยุโรปอาจรวมเข้าด้วยกันเพื่อช่วยเหลือสเปนและอิตาลีที่จะเริ่มต้นในช่วงเดือนกันยายน และนางเมอร์เคล และนายออลลองค์ ผู้นาเยอรมนีและฝรั่งเศสต่างก็ให้สัญญาที่จะทาทุกวิถีทางเพื่อปกป้องสกุลเงินยูโรเช่นกัน อีกทั้งยังมีความหวังว่าเฟดอาจจะมองหาเครื่องมือใหม่ๆ เพื่อกระตุ้นการเติบโตของเศรษฐกิจในสหรัฐ
-CME Group กล่าวในรายงานว่า ผลสะท้อนกลับต่อการประกาศตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐนั้นเป็นเพียงระยะเวลาสั้นๆ ซึ่งความพยายามในการช่วยเหลือยูโรโซนนั้นยังคงมีอิทธิพลสูงกว่าในการซื้อขาย และดูเหมือนว่าจากคากล่าวของนายดรากี ทาให้กลุ่มผู้นายุโรปต้องมีความพยายามอย่างมากในการปกป้องสกุลเงินยูโร ซึ่งการดาเนินการใดๆ ก็ตามจะเป็นส่วนสนับสนุนราคาทองคาเนื่องจากอาจมีการเข้าแทรกแซงทางการเงินและขับเคลื่อนให้เกิดภาวะเงินเฟ้อได้
-ธนาคารกลางสหรัฐและธนาคารกลางยุโรปจะมีการประชุมนโยบายการเงินในช่วงปลายสัปดาห์นี้ และสหรัฐจะมีการประกาศตัวเลขภาคการจ้างงานในวันศุกร์ โดยตลาดกาลังรอผลการประชุมจากทั้งสองที่เพื่อดูว่าจะมีการเข้าแทรกแซงตลาดหรือไม่ ซึ่งความสนใจแรกจะเบนมาที่การประชุม FOMC ในวันอังคารและวันพุธนี้ โดยมีการแถลงการณ์ผลการประชุมในคืนวันพุธ หลังจากนั้นจะมีการประชุมอีซีบีในวันพฤหัสบดีเพื่อตัดสินใจในเรื่องอัตราดอกเบี้ยต่อไป
-ข่าวอื่นๆ ที่อาจบดบังทิศทางขาขึ้นของราคาทองคา โดย Bombay Bullion Association คาดการณ์ว่าปริมาณการนาเข้าทองคาในช่วงเดือนกรกฏาคมจะอยู่ที่ระดับ 40 – 50 ตัน ลดลง 35% จากปีที่ผ่านมา
-ในช่วงเช้านี้ ราคาทองคาสามารถยืนอยู่เหนือระดับ 1,620 เหรียญได้ หลังจากที่ปรับตัวสูงขึ้นเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา 2.5% เป็นสัปดาห์ที่ราคาทองคาปรับตัวขึ้นสูงที่สุดในรอบเกือบ 2 เดือน
HGF
- ทองปิดบวกต่อเนื่องเป็นวันที่ 4
- เก็งกำไรการประชุมFED/ECB
- ระวังแรงขายทำกำไรจากแนวต้าน 1,630-1,640 ดอลลาร์
ราคาทองคำดีดตัวขึ้นค่อนข้างแรงตั้งแต่ช่วงกลางสัปดาห์ โดยมีปัจจัยบวกจากเรื่องการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจจากธนาคารกลางยุโรปและสหรัฐที่จะมีการประชุมในสัปดาห์นี้ เช่นเดียวกันกับราคาโลหะเงินที่ปรับตัวขึ้นต่อเนื่องในช่วงปลายสัปดาห์ โดยมีแรงซื้อเก็งกำไรกลับเข้ามาตามการเคลื่อนไหวของราคาสินทรัพย์เสี่ยง อย่างไรก็ตามสำหรับราคาทองที่กลับขึ้นมาปิดที่บริเวณแนวต้านบริเวณ 1,630 ดอลลาร์ หากไม่สามารถขึ้นไปยืนเหนือแนวต้านดังกล่าว คงต้องระวังแรงขายที่อาจมีกลับออกมา
รายงานการขยายตัวของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศของสหรัฐไตรมาส 2 ในช่วงค่ำของวันศุกร์ที่ผ่านมา ออกมาในระดับเดียวกับที่ตลาดประเมิน แต่ก็เป็นการขยายตัวในระดับที่ค่อนข้างต่ำ นักลงทุนจึงยังคาดหวังว่าจะมีการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจจากธนาคารกลางสหรัฐในอนาคต เช่นเดียวกับกรณีของธนาคารกลางยุโรปซึ่งในสัปดาห์ก่อน ประธานธนาคารกลางยุโรปได้ส่งสัญญาณถึงความพร้อมที่จะออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพื่อปกป้องเศรษฐกิจในยูโรโซน ดังนั้นในการประชุมของธนาคารกลางยุโรปในวันพฤหัสนี้ จึงยังเป็นประเด็นหนึ่งที่นักลงทุนต่างให้ความสนใจ
การประชุมของธนาคารกลางสหรัฐในวันอังคารและพุธนั้น ตลาดประเมินว่าคงยังไม่มีการออกมาตรการหรือการส่งสัญญาณใดๆที่ชัดเจน แต่คำแถลงของประธานธนาคารกลางสหรัฐหลังจากการประชุมจบลง อาจเริ่มปรับท่าทีต่างไปจากการประชุมครั้งก่อนซึ่งคาดว่าจะเป็นการแสดงความกังวลต่อภาวะเศรษฐกิจของสหรัฐที่จะได้รับผลกระทบจากปัจจัยต่างๆ จนอาจนำมาสู่การออกมาตรการผ่อนคลายทางการเงินต่อไป
ที่แนวต้านบริเวณ 1,630-1,640 ดอลลาร์ ยังเป็นระดับที่ต้องระวังแรงขายที่อาจมีกลับออกมา ดังนั้นสำหรับการเก็งกำไรระยะสั้นควรทยอยขายเพื่อลดความเสี่ยง แล้วรอซื้อเก็งกำไรรอบใหม่ในช่วงที่ราคาทองปรับฐานลงมายังแนวรับที่บริเวณ 1,610 และ 1,600 ดอลลาร์ หรือ ในช่วงที่ราคาทองผ่านขึ้นไปยืนเหนือแนวต้านบริเวณ 1,630 ดอลลาร์ ส่วนราคาโลหะเงินซึ่งมีแรงขายกลับออกมาจากแนวต้านบริเวณ 27.80 ดอลลาร์ แต่ยังมีแนวโน้มที่ราคาจะปรับตัวขึ้นได้ต่อ โดยมีแนวรับของวันอยู่ที่บริเวณ 27.30-27.50 ดอลลาร์ ส่วนแนวต้านยังอยู่ที่บริเวณ 27.80-28.0 ดอลลาร์
Gold Future (August)
ราคาทองอ่อนตัวลงจากแนวต้านของวันศุกร์ที่บริเวณ 1,625-1,630 ดอลลาร์ หากยังไม่สามารถผ่านขึ้นไปยืนเหนือแนวต้านบริเวณนี้ได้คงยังต้องระวังแรงขายที่อาจมีกลับออกมา การเก็งกำไรระยะสั้นควรรอเปิดสถานะซื้อที่แนวรับบริเวณ 1,610-1,615 ดอลลาร์ และ 1,595-1,600 ดอลลาร์ โดยมีจุดปิดสถานะตัดขาดทุนอยู่ที่บริเวณ 1,590 ดอลลาร์
Silver Future (August)
ราคาโลหะเงินปรับตัวขึ้นไปยังแนวต้านบริเวณ 27.80 ดอลลาร์ก่อนที่จะเริ่มมีแรงขายกลับออกมา ในระหว่างวันหากราคาปรับตัวลงมายังแนวรับบริเวณ 27.20-27.50 ดอลลาร์ สามารถเลือกเปิดสถานะซื้อเก็งกำไรการดีดตัวกลับ โดยมีจุดปิดสถานะตัดขาดทุนหรืออาจกลับมาเก็งกำไรด้านขายในช่วงที่ราคาอ่อนตัวลงไปต่ำกว่า 27.0 ดอลลาร์