Home Product

รวบรวมบทวิเคราะห์ทองจากบลจ.ต่างๆประจำวันที่ 16 สิงหาคม 2555

รวบรวมบทวิเคราะห์ทองจากบลจ.ต่างๆประจำวันที่ 16 สิงหาคม 2555

MTS

วิเคราะห์ทางเทคนิคช่วงเช้า

Gold- ราคาทองคายังมีการแกว่งตัวอย่างมากในช่วงบ่ายเมื่อวานนี้ โดยราคาปรับตัวลดลงหลุดระดับ 1,600 เหรียญลง ไปทาจุดต่าสุดที่บริเวณ 1,590 เหรียญโดยประมาณ ในส่วนที่มีการประกาศตัวเลข CPI และ Core ที่บ่งชี้ถึงภาวะเงินเฟ้อ ของสหรัฐยังอยู่ในระดับต่าเช่นเดิม คือประมาณ 0% และ 0.1% ตามลาดับ ทาให้ราคาทองคาเองมีแรงซื้อกลับเข้ามา อย่างรวดเร็ว และเริ่มทรงตัวได้บริเวณ 1,600 เหรียญ โดยราคาทองคาปิดตลาด COMEX ที่ระดับ 1,606.6 เหรียญ โดย ภาพรวมตลาดยังรอความชัดเจนในการแก้ปัญหาของยูโรโซนรวมทั้งเริ่มหันมาสนใจตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐอเมริกา โดยเฉพาะวันนี้มีตัวเลขผู้ขอรับสวัสดิการการว่างงาน (Unemployment Claims) ซึ่งถือว่ามีความสาคัญ ถ้าตัวเลข Unemployment Claims ออกมามีคนว่างงานเพิ่มขึ้นก็น่าจะสามารถทาให้ราคาทองคาปรับตัวสูงขึ้นได้อย่างต่อเนื่อง ใน เชิงเทคนิคราคาทองคายังเป็นการเคลื่อนไหวในทิศทาง Sideway ในกรอบ 1,595 – 1,610 เหรียญ เชื่อว่าจะแกว่งตัว ในช่วงแคบๆ เป็น Sideway นอกเสียจากหากตัวเลข Unemployment Claims ออกมาผิดคาดก็อาจทาให้ราคาแกว่งตัวได้ มากขึ้นในทิศทางใดทิศทางหนึ่ง

คำแนะนำการลงทุน

Daily

เก็งกาไรในภาวะการแกว่งตัวในกรอบ 1,595 – 1,610 เหรียญ ยังแนะนาให้เป็นลักษณะหา จังหวะเข้าช้อนซื้อก่อนและขายที่บริเวณแนว ต้านแรกที่ระดับ 1,610 เหรียญ

Weekly

เมื่อวานคงเข้าช้อนซื้อตามการย่อตัวของราคา ทองคา ถือครองพอร์ทที่ประมาณ 40% หา จังหวะการขายทากาไรที่ระดับ 1,610 เหรียญ

Monthly

เป็นการซื้อเพิ่มเช่นเดียวในช่วงจังหวะการปรับตัว ของราคา ถือครองพอร์ท 40% ในสถานะ Long Position เช่นเดียวกัน

Gold Recap

Morning Recap

ราคาทองคาต่างประเทศเปิดที่ระดับ 1,601 เหรียญ/ออนซ์ Gold Futures Q12 เปิดที่ 24,160 บาท สมาคมค้าทองแท่งเปิดที่ 23,800 บาท

Night Recap

ราคาทองคาเปิดตลาดช่วงค่าในประเทศไทยที่ระดับ 1,598 เหรียญ โดยราคาเคลื่อนตัวอยู่ระหว่าง 1,594 – 1,606 เหรียญ ก่อนกลับมาปิดตลาดที่ 1,603 เหรียญ ในเวลาประเทศไทย

ข่าวที่สำคัญ

-ราคาทองคาปรับตัวลดลงเล็กน้อยเมื่อคืนนี้ โดยได้รับผลมาจากการประกาศตัวเลขเศรษฐกิจที่ออกมาไม่ค่อยดีนักทางสหรัฐอเมริกาที่จุดประกายความหวังในเรื่องนโยบายการเงินเพิ่มเติมจากภาวะเงินเฟ้อในสหรัฐ แต่ภายหลังราคาทองคาสามารถฟื้นตัวกลับขึ้นมาได้จากการรายงานที่ผู้จัดการ Hedge fund นายจอร์จ โซรอส และนายจอห์น พอลสันได้เพิ่มสถานะการถือครองทองคาในกองทุน SPDR ในไตรมาสที่ 2 ส่งผลให้สัญญาส่งมอบทองคาเดือนธันวาคมปรับตัวสูงขึ้น 4.2 เหรียญ ปิดตลาด COMEX ที่ระดับ 1,606.6 เหรียญ โดยมีการซื้อขายในกรอบ 1,592.1 – 1,608.8 เหรียญ มีปริมาณการซื้อขายอยู่ต่ากว่าระดับ 100,000 ล็อต ประมาณ 40% ต่ากว่าเส้นค่าเฉลี่ย 30 วัน

-ดัชนีภาวะธุรกิจโดยรวม (Empire State Manufacturing Index) ออกมาลดลงสู่ระดับ 5.85 ในเดือนสิงหาคม จากระดับ 7.39 ในเดือนกรกฎาคม ซึ่งย่าแย่กว่าที่นักวิเคราะห์จานวนหนึ่งคาดการณ์ว่าจะอยู่ในช่วง 5.0 – 6.5 โดยนักวิเคราะห์จาก FastMarkets ระบุว่า ตัวเลขการผลิตที่ออกมาดังกล่าวแสดงให้เห็นถึงสภาพที่ย่าแย่ในภาคการผลิตของรัฐนิวยอร์ก ซึ่งเป็นระดับต่าสุดนับตั้งแต่เดือนตุลาคมปี 2011 และนั่นหมายถึงตัวบ่งชี้ภาคการผลิตหลักๆ 3 แห่ง ซึ่งได้แก่ ฟิลาเดเฟีย ริชมอนด์ และเอ็มไพร์ สเตท ที่กาลังส่งสัญญาณการหดตัว

-ตัวเลข CPI และ Core CPI มีการคาดการณ์ทั้งคู่ที่ระดับ 0.2% แต่ทั้ง 2 ตัวก็ออกมาต่ากว่าที่คาดการณ์ โดยตัวเลข Core CPI ออกมาลดลงต่ากว่าระดับ 0.2% เป็นครั้งแรกในรอบ 4 เดือน ในขณะที่ตัวเลข CPI ออกมาที่ระดับ 0% ในเดือนกรกฎาคม

-สาหรับข่าวเชิงบวกสาหรับเศรษฐกิจโดยรวม การผลิตภาคอุตสาหกรรม (Industrial Production) ปรับตัวสูงขึ้น 0.6% ในเดือนกรกฎาคม เนื่องจากกิจกรรมการผลิตเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยตัวเลขดังกล่าวเป็นการปรับตัวมากที่สุดในรอบ 3 เดือน ด้านอัตราการใช้กาลังการผลิต (Capacity Utilization Rate) ก็ปรับเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 79.3% ในเดือนกรกฎาคมเมื่อเทียบกับเดือนก่อน

-นายจอร์จ โซรอส และนายจอห์น พอลสัน ได้เพิ่มการถือครองทองคาในกองทุน SPDR ซึ่งนายโซรอส เพิ่มการถือครองทองคาสู่ระดับ 137.3 ล้านดอลลาร์ในไตรมาสที่ 2 จากระดับ 52 ล้านดอลลาร์ในไตรมาสแรก ซึ่งทาให้นายโซรอสถือครองหุ้นทองคาที่ระดับ 884,400 หุ้นในกองทุน SPDR เมื่อสิ้นสุดวันที่ 30 มิถุนายน เพิ่มขึ้นจากระดับ 319,550 หุ้นในวันที่ 31 มีนาคม ในขณะที่นายพอลสันได้ซื้อหุ้นทองคาเพิ่ม 4.53 ล้านหุ้นในกองทุนเดียวกัน ส่งผลให้มีการถือครองหุ้นทองคาเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 21.8 ล้านหุ้น จากระดับ 17.3 ล้านหุ้น คือเพิ่มขึ้นมา 26% โดยครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่บริษัทพอลสัน แอนด์ โคได้เพิ่มสถานะของตนเองนับตั้งแต่ไตรมาสที่ 1 ปี 2009

-วิกฤตทางด้านยูโรโซนยังคงมีอยู่ต่อไป โดยนายแอนโทนิส ซามาราส นายกรัฐมนตรีของกรีซจะเข้าหารือกับกลุ่มผู้นายูโรโซนเป็นครั้งแรกในสัปดาห์หน้า เพื่อเป็นความพยายามอย่างหนักในการทาให้กลุ่มผู้นายูโรโซนมีความมั่นใจว่าเขาจะรักษาสัญญาที่ให้ไว้ในเรื่องมาตรการรัดเข็มขัด และเพื่อประเมินว่าพวกเขาจะยอมให้เวลาเพิ่มเติมกับกรีซเพื่อทาให้แผนประสบความสาเร็จหรือไม

HGF

- ทองแกว่งตัวแคบก่อนกลับมาปิดเหนือ 1,600 เหรียญ

- เงินเฟ้อสหรัฐทรงตัวเป็นเดือนที่ 2

- คาดทองแกว่งตัวแคบและยังมีแนวโน้มปรับฐาน

 ราคาทองคำเมื่อวานนี้แกว่งตัวขึ้นลงในกรอบค่อนข้างแคบ โดยในช่วงบ่ายมีแรงขายกลับออกมาจนราคาอ่อนตัวลงเข้าใกล้แนวรับบริเวณ 1,585-1,590 ดอลลาร์ ก่อนที่จะเริ่มดีดตัวกลับ และสามารถกลับขึ้นมาปิดเหนือแนวรับจิตวิทยาบริเวณ 1,600 ดอลลาร์ได้อีกครั้ง เช่นเดียวกันกับราคาโลหะเงินซึ่งปรับฐานลงไปยังแนวรับบริเวณ 27.5 ดอลลาร์ ก่อนที่จะดีดตัวกลับ และสามารถกลับขึ้นมาปิดสูงกว่าระดับปิดของวันอังคาร

 รายงานตัวเลขเศรษฐกิจต่างๆของสหรัฐในช่วงค่ำที่ผ่านมา มีผลต่อการเคลื่อนไหวของตลาดการเงินโดยรวมค่อนข้างน้อย การเคลื่อนไหวของราคาทองและตลาดสินทรัพย์อื่นๆจึงมีการแกว่งตัวในกรอบแคบ โดยข้อมูลการผลิตภาคอุตสาหกรรมของสหรัฐเพิ่มขึ้น 0.6% ในเดือนกรกฎาคมซึ่งเป็นอัตราสูงสุดนับตั้งแต่เดือนเมษายน ส่วนดัชนี

ราคาผู้บริโภค (CPI) ทรงตัวในเดือนกรกฎาคม ส่วนสมาคมผู้สร้างบ้านแห่งชาติเปิดเผยว่า ความเชื่อมั่นผู้สร้างบ้านเพิ่มขึ้น ในเดือนสิงหาคมซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบกว่า 5 ปี

 ราคาทองยังมีแนวโน้มที่จะแกว่งตัวแคบต่อไป โดยการเคลื่อนไหวของราคาทองในช่วงนี้คาดว่าจะเป็นการแกว่งตัวขึ้นลงตามปัจจัยทางเทคนิคเป็นหลัก และหากราคาปรับฐานลงแรง ก็จะมีแรงซื้อกลับเข้ามาจากการคาดหวังเรื่องมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจจากหลายประเทศทั้งในสหรัฐ ยุโรปและเอเชีย แนวรับของวันยังคงอยู่ที่บริเวณ 1,590ดอลลาร์ หากไม่สามารถยืนเหนือแนวรับนี้ได้ คาดว่าราคาจะปรับตัวลงไปยังแนวรับบริเวณ 1,580 และ 1,570 ดอลลาร์ ต่อไป ส่วนแนวต้านของวันอยู่ที่ 1,610-1,615ดอลลาร์ หากสามารถผ่านขึ้นไปได้ การฟื้นตัวของราคาก็จะมีความต่อเนื่องมากขึ้น

 ราคาโลหะเงินอ่อนตัวลงเข้าใกล้แนวรับ ก่อนที่จะเริ่มดีดตัวกลับ แต่ก็ไม่สามารถผ่านแนวต้านที่28.0 ดอลลาร์ ขึ้นไปได้ การเคลื่อนไหวของราคาโลหะเงินในทางเทคนิคจึงยังมีแนวโน้มที่จะแกว่งตัวขึ้นลงในกรอบแนวรับและแนวต้านบริเวณ 27.5-28.0 ดอลลาร์ต่อไป หากราคาปรับฐานลงไปต่ำกว่าแนวรับบริเวณ 27.5 ดอลลาร์ คาดว่าจะมีแรงขายกลับออกมามาก จนราคาปรับตัวลงไปยังแนวรับที่บริเวณ 27.0 ดอลลาร์ ต่อไป

Gold Future (August)

ราคาทองคำดีดตัวจากแนวรับของวานนี้ แต่ก็ต้องระวังว่าจะเป็นเพียงการดีดตัวทางเทคนิคก่อนที่จะปรับฐานลงต่อ ในระหว่างวันหากราคาดีดตัวขึ้นเข้าใกล้แนวต้านบริเวณ 1,610-1,615 ดอลลาร์ ควรปิดสถานะซื้อเพื่อลดความเสี่ยง หรืออาจเลือกเก็งกำไรฝั่งขายต่อไปโดยมีจุดปิดสถานะตัดขาดทุนอยู่ที่บริเวณ 1,620 ดอลลาร์ ส่วนการเก็งกำไรฝั่งซื้อควรรอเปิดสถานะที่แนวรับบริเวณ 1,585-1,590ดอลลาร์ และมีจุดปิดสถานะตัดขาดทุนอยู่ที่ บริเวณ1,580 ดอลลาร์

Silver Future (August)

ราคาโลหะเงินปรับตัวลงไปยังแนวรับซึ่งเป็นจุดปิดสถานะตัดขาดทุนบริเวณ 27.5 ดอลลาร์ ก่อนที่จะดีดตัวกลับ แต่ก็ไม่สามารถผ่านแนวต้านบริเวณ 28.1-28.2 ดอลลาร์ การเคลื่อนไหวของราคาจึงมีแนวโน้มที่จะแกว่งตัวขึ้นลงในกรอบแคบต่อไป การเก็งกำไรฝั่งซื้อควรรอเปิดสถานะที่แนวรับบริเวณ 27.6-27.7 ดอลลาร์ โดยมีจุดปิดสถานะตัดขาดทุนอยู่ที่ 27.5 ดอลลาร์ เช่นเดียวกับเมื่อวาน และหากราคาสามารถผ่านแนวต้านบริเวณ 28.1-28.2 ดอลลาร์ ขึ้นไปได้ ก็จะเกิดเป็นสัญญาณซื้อสำหรับเก็งกำไรฝั่งซื้อต่อไป