Home Product

รวบรวมบทวิเคราะห์ทองจากบลจ.ต่างๆประจำวันที่ 30 สิงหาคม 2555

รวบรวมบทวิเคราะห์ทองจากบลจ.ต่างๆประจำวันที่ 30 สิงหาคม 2555

MTS

วิเคราะห์ทางเทคนินคช่วงเช้า

Gold – ราคาทองคายังถูกกดดันต่อเนื่องหลังจากที่ตัวเลขทางเศรษฐกิจของสหรัฐอเมริกาออกมาดีทั้ง 2 ตัวคือจีดีพีออกมาดี กว่าเดิมเล็กน้อยมาอยู่ที่ 1.7% ขณะที่ Pending Home Sales ออกมาเพิ่มขึ้น 2.4% จากเดิมที่ระดับติดลบ 1.4% ส่งผลให้ค่าเงิน ดอลลาร์เองปรับตัวแข็งค่าขึ้นเล็กน้อยเมื่ อเทียบกับยูโรดอลลาร์ ส่วนค่าเงินยูโรก็ลงมาสู่ระดับประมาณ 1.2535 ดอลลาร์/ยูโร ในขณะที่ทองคาก็ปรับตัวลงเล็กน้อยประมาณ 10 เหรียญ จากระดับ 1,665 เหรียญในช่วงเช้าลงมาที่ระดับต่าสุดประมาณ 1,654 เหรียญโดยประมาณ และกลับมาปิดตลาด COMEX ที่ระดับ 1,663 เหรียญ โดยภาพรวมราคาทองคายังคาดว่าจะเคลื่อนตัวใน ทิศทาง Sideway ในกรอบ 1,650 – 1,665 เหรียญ ยังคงแนะนาให้เข้าช้อนซื้อบริเวณแนวรับตั้งแต่ 1,655 เหรียญลงมา

Gold Futures series Q จะหมดอายุภายในวันนี้ จึงแนะนาให้นักลงทุนทยอยปิดสถานะเพื่อทากาไรหรืออาจจะปรับเปลี่ยนการถือครอง สถานะ (roll over) ไปสู่ series V ซึ่งเป็น series ถัดไป โดยไม่แนะนาให้ซื้อเพิ่มใน series Q

สรุป โดยภาพรวมยังคาดว่าน่าจะเคลื่อนตัวในทิศทาง Sideway และยังคิดว่า แม้ว่าจะมีการพูดสุนทรพจน์ของนายเบอร์นันเกในวันศุกร์ ซึ่ง น่าจะเป็นลักษณะ negative จึงอาจทาให้ราคาทองคาอาจปรับตัวลง แต่คงจะลงชั่วคราวและสามารถดีดกลับได้ ซึ่งไม่น่าจะลงลึกกว่า 1,640 เหรียญ

คำแนะนำการลงทุน

Daily

เก็งกาไรในภาวะการแกว่งตัวในกรอบ 1,650 – 1,660 เหรียญในช่วงเช้าวันนี้ ให้ซื้อเมื่อราคา อ่อนตัวและขายบริเวณ 1,660 เหรียญ

Weekly

รอจังหวะเข้าช้อนซื้อบริเวณแนวรับ 1,650 เหรียญ ปรับพอร์ทให้ได้เป็น 20 – 30%

Monthly

รอจังหวะเข้าช้อนซื้อบริเวณ 1,650 เหรียญ ลงมา เป็นลักษณะค่อยๆ ทยอยช้อนซื้อ เพิ่มพอร์ทเป็น 20 – 30%

Gold Recap

Morning Recap

ราคาทองคาต่างประเทศเปิดที่ระดับ 1,666 เหรียญ/ออนซ์ Gold Futures Q12 เปิดที่ 24,780 บาท สมาคมค้าทองแท่งเปิดที่ 24,600 บาท

Night Recap

ราคาทองคาเปิดตลาดช่วงค่าในประเทศไทยที่ระดับ 1,665 เหรียญ โดยราคาเคลื่อนตัวอยู่ระหว่าง 1,652 – 1,668 เหรียญ ก่อนกลับมาปิดตลาดที่ 1,657 เหรียญ ในเวลาประเทศไทย

ข่าวที่สำคัญ

-ราคาทองคาปรับตัวลดลงเมื่อคืนนี้ ภายหลังการประกาศตัวเลขเศรษฐกิจของสหรัฐอเมริกา ส่งผลให้ลดความคาดหวังในเรื่องที่จะมีการประกาศใช้มาตรการ QE3 ในการประชุมที่แจ็คสัน โฮล ในวันศุกร์นี้ โดยสัญญาทองคาส่งมอบเดือนธันวาคมปรับตัวลดลง 6.7 ดอลลาร์ ปิดตลาด COMEX ที่ระดับ 1,663 ดอลลาร์/ออนซ์ มีปริมาณการซื้อขาย 30% ต่ากว่าค่าเฉลี่ย 30 วัน

-จีดีพีไตรมาสที่ 2 ออกมาขยายตัว 1.7% สูงกว่าการประมาณการครั้งแรกที่ระบุว่าขยายตัว 1.5% ปัจจัยที่ทาให้จีดีพีไตรมาส 2 ดีกว่าการประมาณการเบื้องต้นคือ ยอดส่งออกที่ดีเกินคาด ยอดนาเข้าที่ลดลง รวมถึงการบริโภคส่วนบุคคลที่แข็งแกร่ง อย่างไรก็ดี การใช้จ่ายภาครัฐยังคงเป็นตัวฉุดรั้งจีดีพี แต่ไม่มากเท่ากับที่คาดการณ์ในเบื้องต้น ขณะที่การใช้จ่ายภาคธุรกิจก็ลดลง

-สมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์แห่งชาติของสหรัฐ เปิดเผยว่า ดัชนีการทาสัญญาขายบ้านที่รอปิดการขาย (pending home sales) เพิ่มขึ้น 2.4% ในเดือนก.ค.เมื่อเทียบกับเดือนมิ.ย. สู่ระดับ 101.7 ซึ่งสูงกว่าคาดการณ์ และสูงสุดนับตั้งแต่เดือนเม.ย.2553

-สานักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) รายงานว่า สต็อกน้ามันดิบประจาสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 24 ส.ค. พุ่งขึ้น 3.78 ล้านบาร์เรล แตะระดับ 364.52 ล้านบาร์เรล ตรงข้ามกับที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะลดลง 1.6 ล้านบาร์เรล

-คอมเมิร์ซ แบงก์ ได้ยกตัวอย่างความน่าสนใจของนักลงทุนในกองทุน ETFs จากสานักข่าวบลูมเบิร์กที่ระบุว่า กองทุน ETFs มีปริมาณการไหลเวียนเข้าเพิ่มขึ้นอีก 5 ตันเมื่อวันก่อนหน้านี้ และมีปริมาณการถือครองทองคาสู่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์เกือบ 2,457 ตัน โดยปริมาณการถือครองของกองทุน ETFs ทั้งหมดมีมากกว่าการสารองทองคาของอิตาลี ซึ่งได้มีการเอาชนะฝรั่งเศสในช่วงต้นสัปดาห์นี้ เมื่อนามารวมกันกองทุน ETFs ถือเป็นกองทุนที่มีการสารองทองคาเป็นอันดับ 4 ของโลก รองจากสหรัฐ เยอรมนี และไอเอ็มเอฟ

-อ้างอิงข้อมูลจากไอเอ็มเอฟ ระบุว่า มีธนาคารกลางต่างๆ หลายแห่งได้เพิ่มการสารองทองคามากขึ้นเช่นกันในเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา โดยธนาคารกลางรัสเซียเพิ่มการสารองทองคา 18.6 ตัน ธนาคารกลางคาซัคสถานเพิ่ม 1.4 ตัน และธนาคารกลางยูเครนเพิ่ม 0.2 ตัน ซึ่งประเทศที่มีการเพิ่มการสารองทองคามากที่สุดก็คือ ตุรกี ที่มีการเพิ่มถึง 44.7 ตัน โดยคอมเมิร์ซ แบงก์ระบุเพิ่มเติมว่า ธนาคารกลางต่างๆ ยังคงเป็นปัจจัยสาคัญในการสนับสนุนราคาทองคา

-การรายงานสรุปภาวะเศรษฐกิจ หรือ Beige Book ที่ระบุว่า เศรษฐกิจสหรัฐยังคง “ขยายตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไป” ในเดือนกรกฎาคม และต้นเดือนสิงหาคมทั่วภูมิภาคและภาคธุรกิจส่วนใหญ่ แต่แนวโน้มการฟื้นตัวในภาคค้าปลีกและภาคการผลิตยังไม่มีความชัดเจน ซึ่งการรายงานดังกล่าวมีการจัดเตรียมโดยธนาคารกลางสหรัฐ สาขาบอสตัน โดยมีการเก็บข้อมูลก่อนวันที่ 20 สิงหาคม และมีการสรุปความคิดเห็นต่างๆ ที่ได้รับจากกลุ่มธุรกิจและผู้ติดต่ออื่นๆ ภายนอกธนาคารกลางสหรัฐ และไม่ใช่ความคิดเห็นและมุมมองจากเจ้าหน้าที่ของเฟด

HGF

- ทองร่วงนักลงทุนไม่มั่นมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ

- GDP สหรัฐขยายตัว 1.7%

- ทองแกว่งตัวแคบรอซื้อที่แนวรับ 1,650 และ 1,640 ดอลลาร์

 มีแรงขายกลับออกมาในการซื้อขายช่วงค่ำ จนราคาทองปรับฐานลงมาเคลื่อนไหวที่แนวรับบริเวณ 1,650 ดอลลาร์ ก่อนที่จะเริ่มมีแรงซื้อกลับเข้ามา และเคลื่อนไหวทรงตัวเหนือแนวรับดังกล่าวต่อเนื่องมาจนถึงเช้าวันนี้ เช่นเดียวกันกับราคาโลหะเงินซึ่งปรับฐานลงตามการเคลื่อนไหวของราคาทอง หลังจากนักลงทุนเริ่มไม่มั่นใจว่าการกล่าวสุนทรพจน์ของประธานธนาคารกลางสหรัฐจะมีสัญญาณการกระตุ้นเศรษฐกิจที่ชัดเจน

 เศรษฐกิจของสหรัฐในไตรมาสที่ 2 ขยายตัวขึ้น 1.7% เท่ากับที่ตลาดประเมิน แต่เป็นการขยายตัวสูงขึ้นจากการประเมินในครั้งก่อนเมื่อเดือนกรกฎาคม ซึ่งในครั้งนั้นประเมินว่าจะขยายตัวขึ้น 1.5% ส่วนรายงานภาวะเศรษฐกิจของสหรัฐในเขตต่างๆที่สาขาของธนาคารสหรัฐตั้งอยู่หรือ Beige Book นั้น ระบุว่าเศรษฐกิจสหรัฐยังคงขยายตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไปในเดือนกรกฎาคมและต้นเดือนสิงหาคม แต่กิจกรรมการผลิตอ่อนแอลง

 รายงานตัวเลขเศรษฐกิจของสหรัฐทีออกมานั้น โดยรวมแล้วไม่ต่างจากที่ตลาดประเมินแต่ด้วยผลสำรวจความเห็นจากนักเศรษฐศาสตร์ซึ่งส่วนใหญ่ประเมินว่าประธานธนาคารกลางสหรัฐจะยังไม่ได้ระบุถึงช่วงเวลาและการกระตุ้นเศรษฐกิจที่ชัดเจนในการกล่าวสุนทรพจน์ในช่วงค่ำของวันศุกร์นี้ จึงเป็นประเด็นลบกดดันการเคลื่อนไหวของราคาทองในการซื้อขายช่วงค่ำที่ผ่านมา หลังจากในสัปดาห์ก่อนราคาดีดตัวขึ้นในปริมาณค่อนข้างมาก เนื่องจากตลาดเชื่อมั่นว่าประธานธนาคารกลางของสหรัฐจะส่งสัญญาณที่ชัดเจนเกี่ยวกับการกระตุ้นเศรษฐกิจในการกล่าวสุนทรพจน์ในคืนวันศุกร์นี้

 ราคาทองคำปรับฐานลงมาเคลื่อนไหวเข้าใกล้แนวรับที่ 2 ของเมื่อวานนี้บริเวณ 1,645-1,650 ดอลลาร์ ก่อนที่จะเริ่มดีดตัวกลับลดช่วงการติดลบลง การเคลื่อนไหวในวันนี้คาดว่าราคาจะแกว่งตัวอยู่ระหว่าง 1,650-1,660 ดอลลาร์ แต่หากสามารถผ่านแนวต้านบริเวณ 1,660 ดอลลาร์ ขึ้นไปได้ จะกลับเป็นสัญญาณการฟื้นตัวและคาดว่าราคาจะเริ่มดีดตัวกลับขึ้นสู่แนวต้านบริเวณ 1,670 และ 1,680 ดอลลาร์ ต่อไป ส่วนกรณีที่ราคาปรับฐานลงไปต่ำกว่าแนวรับบริเวณ 1,650 ดอลลาร์ คาดว่าจะมีแรงขายกลับออกมามาก จนราคาปรับฐานลงไปยังแนวรับบริเวณ 1,630-1,635 ดอลลาร์ ก่อนที่จะเริ่มดีดตัวกลับ และสำหรับราคาโลหะเงินคาดว่าจะแกว่งตัวระหว่าง30.5-31.0 ดอลลาร์ ต่อไป

Gold Future (August)

ราคาทองอ่อนตัวลงมาเคลื่อนไหวที่แนวรับสำหรับเก็งกำไรฝั่งซื้อที่บริเวณ 1,650 ดอลลาร์ และเริ่มเคลื่อนไหวทรงตัวต่อเนื่องมาจนถึงการซื้อขายช่วงเช้าวันนี้ และคาดว่าราคาจะแกว่งตัวในกรอบแคบระหว่าง 1,650-1,660ดอลลาร์ การเก็งกำไรฝั่งซื้อยังสามารถรอเปิดสถานะที่แนวรับบริเวณ 1,645-1,650 ดอลลาร์ โดยมีจุดปิดสถานะตัดขาดทุนอยู่ที่บริเวณ 1,640ดอลลาร์

Silver Future (August)

ราคาโลหะเงินยังมีแนวโน้มว่าจะแกว่งตัวอยู่ระหว่าง 30.5-31.3 ดอลลาร์การเก็งกำไรในระยะสั้นสามารถรอเปิดสถานะซื้อในช่วงที่ราคาปรับฐานลงเข้าใกล้แนวรับบริเวณ 30.3-30.5 ดอลลาร์ ซึ่งเป็นแนวรับเดียวกันกับเมื่อวาน โดยมีจุดปิดสถานะตัดขาดทุนอยู่ที่บริเวณ 29.7-29.8 ดอลลาร์