Home Product

รวบรวมบทวิเคราะห์ทองจากบลจ.ต่างๆประจำวันที่ 4 กันยายน 2555

รวบรวมบทวิเคราะห์ทองจากบลจ.ต่างๆประจำวันที่ 4 กันยายน 2555

MTS

วิเคราะห์ทางเทคนิคฃ่วงเฃ้า

Gold – ราคาทองค ามีการเคลื่อนไหวไม่มากในการซื้อขายเมื่อวานเนื่องจากเป็นวันหยุดของสหรัฐอเมริกา ในขณะที่ตลาด

ทองเคลื่อนไหวตามจุดสูงสุดของราคาปิดเมื่อวันศุกร์ โดยสามารถเคลื่อนไหวต่อบริเวณ 1,688 – 1,690เหรียญได้ ปิดตลาด

อิเล็กทรอนิกส์ช่วงประมาณเที่ยงคืนที่ระดับ 1,692 เหรียญโดยประมาณ จะเห็นได้ว่า ราคาสามารถทรงตัวอยู่ในระดับสูงโดย

ยังเป็นการคาดหวังข่าวเชิงบวกของอีซีบีและเฟด แม้ว่าจะมีข่าวค่อนข้างมากเกี่ยวกับประธานเฟดบางแห่งมีความเห็นคัดค้าน

การมีมาตรการ QE3 อย่างไรก็ดีตลาดยังมุ่งเป้าไปที่ข่าวของอียูมากขึ้น ท าให้ค่าเงินของยูโรดอลลาร์ปรับตัวสูงขึ้นเหนือ

ระดับ 1.2619ดอลลาร์/ยูโร ณ ขณะนี้อยู่ที่ระดับ 1.2618ดอลลาร์/ยูโร ซึ่งหมายถึงค่าเงินดอลลาร์อ่อนค่าลง และค่าเงินบาท

เองก็ปรับตัวแข็งค่าขึ้น ไปทดสอบจุดต่ าสุดในรอบ 3 เดือนที่ระดับ 31.16บาท/ดอลลาร์ ในขณะที่ภาพรวมราคาทองค ายังยืน

อยู่เหนือระดับ 1,690 เหรียญได้ เช้านี้เปิดตลาดที่ระดับ 1,693 เหรียญ ณ ขณะนี้อยู่ที่ระดับ 1,695 เหรียญ ในเชิงเทคนิค

ราคาทองค าเป็นแนวโน้มขาขึ้น แนะน าให้มีการซื้อขายและเข้าท าก าไรเป็นช่วงๆ โดยย้ าไม่ให้ท าสถานะ Short นักลงทุนที่มี

สถานะ Short ก็ยังควรที่จะหาจังหวะปิด Short ในช่วงที่ราคาปรับอ่อนลงมา

สรุปได้ว่า ราคาทองค ายังน่าจะแกว่งตัวตามแรงเทขายท าก าไร ให้ระมัดระวังบริเวณแนวต้านแรก 1,700 เหรียญ

คำแนะนำการลงทุน

Daily

เก็งก าไรในภาวะการแกว่งตัวในกรอบ 1,680 – 1,700 เหรียญ ให้ซื้อเมื่อราคาอ่อนตัวและขายเมื่อราคาปรับตัวสูงขึ้น

Weekly

แนะน าให้ปรับพอร์ทเข้าช้อนซื้อ Portfolioที่ 20%

Monthly

เป็นช่วงจังหวะเข้าช้อนซื้อเช่นเดียวกับPortfolio ควรจะมีประมาณ 20% เช่นเดียวกัน

ข่าวที่สำคัญ

-ราคาทองค าฟื้นตัวดีขึ้นเรื่อยๆ จากระดับสูงสุดในรอบ  5 เดือนท่ามกลางการซื้อขายที่เบาบางเนื่องจากเมื่อวานเป็นวันหยุดแรงงานของสหรัฐอเมริกา โดยมีการรายงานกลุ่มคนงานผู้ประท้วงถูกยิงรายใหม่ในเหมืองผลิตรายใหญ่ทางแอฟริกาใต้ โดยราคาทองค าเคลื่อนตัวอยู่ในกรอบแคบๆ น้อยกว่า  10 เหรียญ แต่สามารถปรับตัวสูงขึ้นกว่าจุดสูงสุดของวันศุกร์ได้ โดยไปท าจุดสูงสุดที่ระดับ 1,694.09 เหรียญ ในช่วงใกล้ปิดตลาดลอนดอนราคาทองค าไม่มีการเคลื่อนไหวมากนัก ปิดตลาดลอนดอนที่ระดับ 1,693 เหรียญ/ออนซ์

-ปริมาณการถือครองทองค าของกองทุน  ETFs เพิ่มขึ้นสู่ระดับสูงสุดที่  71.729  ล้านออนซ์ในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยมีปริมาณทองค าไหลเวียนในเดือนสิงหาคมเพิ่มขึ้น 1.8 ล้านออนซ์ หรือเพิ่มขึ้นเกือบ 3%

-เมื่อวานนี้มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 4 รายจากการถูกยิงด้วยกระสุนยางและแก๊สน้ าตาจากเจ้าหน้าที่ต ารวจที่เหมืองทองและยูเรเนี่ยมในเมืองแรนด์ฟอนทีน แอฟริกาใต้ อย่างไรก็ตาม การประท้วงหยุดงานเมื่อเดือนที่ผ่านมาที่เกิดขึ้นในเหมืองแพลทตินั่มก่อให้เกิดความรุนแรงและมีผู้เสียชีวิตในท้ายที่สุด 44 ราย ซึ่งในนี้มีเจ้าหน้าที่ต ารวจ 2 นาย นอกจากนี้ยังมีหลักฐานเพิ่มเติมเกี่ยวกับ

เหตุการณ์ความไม่สงบในกลุ่มแรงงานในประเทศอุตสาหกรรมเหมืองแร่ซึ่งก าลังแผ่ขยายวงกว้างมากขึ้นเรื่อยๆ โดยเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา กลุ่มแรงงาน Gold  Fields ประมาณ 12,000 รายนัดกันหยุดงานประท้วง ซึ่งประเทศแอฟริกาใต้ถือ

เป็นผู้ผลิตทองค าอันดับ 5 ของโลก

-แรงกระตุ้นหลักของการปรับตัวสูงขึ้นของราคาทองค ามาจากความคาดหวังที่ว่า เฟดจะมีการเข้าแทรกแซงตลาดโดยการออกมาตรการ QE3 ซึ่งจะเป็นการช่วยสนับสนุนราคาทองค าอย่างมาก หลังจากที่เมื่อวันศุกร์ นายเบน เบอร์นันเก้ ประธานเฟดได้แถลงการณ์ในการประชุมที่แจ็คสัน โฮลว่า เฟดจะจัดหานโยบายผ่อนคลายการเงินเพิ่มเติมหากมีความจ าเป็นในการที่จะสนับสนุนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น และปรับปรุงแก้ไขสภาพตลาดแรงงานในเรื่องของความมีเสถียรภาพทางราคา

-นายเบอร์นันเกมีการให้ความส าคัญไปที่อัตราการว่างงาน ซึ่งความสนใจในสัปดาห์นี้มุ่งไปที่การประกาศตัวเลข Non-farm payrolls ของสหรัฐ โดยมีการคาดการณ์ว่าตัวเลขการจ้างงานจะลดลงมาอยู่ที่ระดับ  121,000 ต าแหน่ง จาก

เดิมที่ระดับ 163,000 ต าแหน่ง

-เมื่อวานนี้นายมาริโอ ดรากีกล่าวต่อกลุ่มผู้ก าหนดกฎหมายของยุโรปว่า การเข้าซื้อพันธบัตรระยะสั้นโดยอีซีบีอาจไม่ได้เป็นการฝ่าฝืนกฎของอียู ในขณะที่การประชุมอีซีบีที่จะเกิดขึ้นในวันพฤหัสบดีนี้ นักลงทุนหลายๆ รายคาดการณ์ว่า นายมาริโอ ดรากีจะมีการเตรียมเนื้อหารายละเอียดเกี่ยวกับแผนการเข้าซื้อพันธบัตรโดยมีเป้าหมายเพื่อลดต้นทุนการกู้ยืมของประเทศอิตาลีและสเปน

-มูดีส์ อินเวสเตอร์ส เซอร์วิส ประกาศปรับเปลี่ยนแนวโน้มความน่าเชื่อถือระยะยาวของกลุ่มสหภาพยุโรป  (อียู) เป็น  "เชิงลบ " จากเดิม  "มีเสถียรภาพ " อย่างไรก็ตาม มูดีส์ ยังคงอันดับความน่าเชื่อถือของกลุ่มอียูไว้ที่ระดับ  Aaa โดยมูดีส์เตือนว่า อาจจะปรับลดอันดับความน่าเชื่ อถือของกลุ่มอียู หากมูดีส์ตัดสินใจปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือของ  4  ประเทศยักษ์ใหญ่ของอียู ซึ่งได้แก่ เยอรมนี ฝรั่งเศส อังกฤษ และเนเธอร์แลนด์