Home Product

รวบรวมบทวิเคราะห์ทองจากบลจ.ต่างๆประจำวันที่ 17 กันยายน 2555

รวบรวมบทวิเคราะห์ทองจากบลจ.ต่างๆประจำวันที่ 17 กันยายน 2555

MTS

วิเคราะห์ทางเทคนิคช่วงเช้า

Gold – ราคาทองคาได้รับผลดีจากการมีมาตรการ QE3 ซึ่งคาดว่า น่าจะทาให้ราคาทองคาเป็นขาขึ้นได้ในระยะยาว จึง แนะนาให้นักลงทุนทยอยซื้อสะสมโดยตลอด พยายามเปิดสถานะ Long Position ในทางเทคนิคราคาทองคาจะมีแนวต้าน แรกในระยะสั้นที่ระดับ 1,780 เหรียญและแนวรับที่ระดับ 1,765 เหรียญ ในระยะปานกลางจะมีแนวต้านที่ระดับ 1,800 เหรียญ และแนวรับที่ระดับ 1,755 เหรียญ

คำแนะนำ

Daily

เก็งกาไรในภาวะการแกว่งตัวในกรอบ ขาขึ้น 1,770 -1,780 เหรียญ ซื้อเมื่อ ราคาอ่อนตัว

Weekly

Set Portfolio ขึ้นมาเป็น 50% ทยอย เข้าช้อนซื้อตามลาดับ

Monthly

 เพิ่ม Portfolio เป็น 50-70%

Gold Recap

 Morning Recap

ราคาทองคาต่างประเทศเปิดที่ระดับ 1,772 เหรียญ/ออนซ์ Gold Futures V12 เปิดที่ 26,160 บาท สมาคมค้าทองแท่งเปิดที่ 25,750 บาท

Night Recap

ราคาทองคาเปิดตลาดช่วงค่าในประเทศไทยที่ระดับ 1,769 เหรียญ โดยราคาเคลื่อนตัวอยู่ระหว่าง 1,766 – 1,775 เหรียญ ก่อนกลับมาปิดตลาดที่ 1,773 เหรียญ ในเวลาประเทศไทย

ข่าวที่สำคัญ

-ราคาทองคาเคลื่อนตัวบริเวณระดับสูงสุดในรอบ 6 เดือนครึ่งในช่วงการซื้อขายเมื่อค่าคืนวันศุกร์ที่ผ่านมา นอกจากนี้สัญญาโกลด์ฟิวเจอร์สปรับตัวเพิ่มขึ้นเพียง 60 เซนต์ ปิดตลาด COMEX ที่ระดับ 1,772.7 เหรียญต่อออนซ์ หลังจากขึ้นไปทาจุดสูงสุดในรอบวันที่ 1,777.51 เหรียญ โดยเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 29 กุมภาพันธ์ มีปริมาณการซื้อขายสูงกว่าค่าเฉลี่ยเป็นวันที่ 2 แต่อย่างไรก็ตาม สัญญาโกลด์ฟิวเจอร์สดูจะมีการทากาไรเพียงเล็กน้อย ซึ่งเป็นตัวบ่งชี้ว่า นักลงทุนส่วนใหญ่คาดการณ์ถึงการปรับตัวเพิ่มขึ้นของราคาที่จะมีโอกาสไปต่อในอีกหลายสัปดาห์ข้างหน้า โดยได้รับแรงกระตุ้นล่าสุดจากการที่เฟดประกาศใช้มาตรการ QE3 เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจรอบใหม่

-มาตรการ QE3 ของสหรัฐแบบปลายเปิดจะเป็นการเข้าซื้อหลักทรัพย์ MBS มูลค่า 4 หมื่นล้านดอลลาร์ต่อเดือนโดยเฟด จนกว่าตลาดแรงงานจะมีการฟื้นตัว และนอกจากนี้เฟดจะขยายระยะเวลาของมาตรการ Operation Twist ไปจนถึงสิ้นปีนี้ และจะยังคงนโยบายในการการชาระเงินต้นการลงทุนใหม่ในเอเจนซี่ของหลักทรัพย์ MBS เอาไว้ต่อไป และนั่นทาให้เฟดจะมีมูลค่าการถือครองหลักทรัพย์ระยะยาวทั้งหมด 8.5 หมื่นล้านดอลลาร์ในแต่ละเดือนไปจนถึงเดือนธันวาคม

-นายเจฟฟรีย์ แลคเกอร์ ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขาริชมอนด์ กล่าวว่าเขาไม่เห็นด้วยกับการใช้มาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณในรอบที่ 3 (QE3) ในการซื้อพันธบัตรที่ใช้หลักทรัพย์จานองค้าประกันของธนาคารกลาง เพราะเรื่องดังกล่าวควรดาเนินการโดยเจ้าหน้าที่งบประมาณ เช่น กระทรวงการคลังหรือรัฐสภาสหรัฐ โดยนายแลคเกอร์ให้เหตุผลว่า การดาเนินการดังกล่าวเป็นการเพิ่มอัตราดอกเบี้ยให้กับผู้กู้ยืมรายอื่นๆ และการอัดอัดฉีดเงินเข้าสู่ภาคเศรษฐกิจเฉพาะบางส่วนไม่ใช่บทบาทที่เหมาะสมสาหรับเฟด

-ในสัปดาห์นี้จะมีการจับตาประกาศตัวเลขยอดขายบ้านและตัวเลขภาคการผลิตของสหรัฐ รวมไปถึงการออกมากล่าวของสมาชิกเฟดบางรายเกี่ยวกับเศรษฐกิจและนโยบายการเงิน ซึ่งจะประกอบไปด้วย

วันอังคาร

19.00 น. นายชารลส์ อีแวนส์ ประธานเฟดสาขาชิคาโก กล่าวเกี่ยวกับประเด็นเศรษฐกิจในปัจจุบัน

22.30 น. นายวิลเลี่ยม ดัดลีย์ประธานเฟดสาขานิวยอร์ก กล่าวเกี่ยวกับเรื่องเศรษฐกิจของชาติและภูมิภาค

วันพุธ

06.15 น. นายเจฟฟรีย์ แลกเกอร์ ประธานเฟดสาขาริชมอนด์ กล่าวเกี่ยวกับการจ้างงานสูงสุดและนโยบายการเงิน

20.45 น. นายเอสเธอร์ จอร์จ ประธานเฟดสาขาแคนซัส กล่าวแสดงความคิดเห็นในภาคการจ้างงาน

วันพฤหัสบดี

06.00 น. นายริชาร์ด ฟิชเชอร์ ประธานเฟดสาขาดัลลัส กล่าวเกี่ยวกับมุมมองของเศรษฐกิจและนโยบายการเงินในนิวยอร์ก

18.45 น. นายอีริค โรเซงเรน สมาชิกเฟดสาขาบอสตัน กล่าวเกี่ยวกับมุมมองของเศรษฐกิจและนโยบายการเงิน

20.30 น. นายเดนนิส ล็อคฮาร์ท ประธานเฟดสาขาแอตแลนตา กล่าวเกี่ยวกับ อนาคตของการพัฒนาตลาดแรงงาน

วันศุกร์

04.00 น. นายซานดรา เพียนาโต ประธานเฟดสาขาเคลฟแลนด์ กล่าวในมหาวิทยาลัยไมอามี่

05.30 น. นายเจมส์ บุลลาร์ด ประธานเฟดสาขาเซนหลุยส์ บรรยายทางเศรษฐกิจ

12.30 น. นายนารายาน่า โคเชอร์ลาโคตา ประธานเฟดสาขามินนีโพลิส กล่าวต่อกลุ่มผู้นาธุรกิจ

23.40 น. นายเดนนิส ล็อคฮาร์ท ประธานเฟดสาขาแอตแลนตา กล่าวอีกครั้งในเรื่องนโยบายและเศรษฐกิจ

HGF

- ทอง New High รอบ 6 เดือน รับข่าวเฟดทำ QE3

- SPDR ถือทองเพิ่มขึ้น 9.05 ตัน

- เงินบาทแข็งกดทองในประเทศปรับขึ้นน้อยกว่าปกติ

 ราคาทองคำและราคาโลหะเงินดีดตัวขึ้นต่อเนื่องในสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยทั้งราคาทองและราคาโลหะเงินปรับตัวขึ้นต่อเนื่องติดต่อกัน 4 สัปดาห์ได้เป็นครั้งที่ 2 ของปี และแม้ว่าค่าเงินบาทของไทยจะแข็งค่าขึ้น แต่สำหรับราคาทองคำแท่งในประเทศ ซึ่งสัปดาห์ก่อนดีดตัวขึ้นทำจุดสูงสุดที่บริเวณ 25,850 บาท ซึ่งเป็นจุดสูงสุดใหม่ในปีนี้

 ราคาทองและราคาโลหะเงินดีดตัวขึ้นตอบรับข่าวดีทั้งจากยุโรปและสหรัฐ ภายหลังการศาลรัฐธรรมนูญของเยอรมันเห็นว่ารัฐบาลเยอรมันสามารถส่งเงินเข้าสมทบกองทุนรักษาเสถียรภาพยุโรป รวมไปถึงการประกาศมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจจากธนาคารกลางสหรัฐ ซึ่งเป็นประเด็นหลักที่ส่งผลให้ราคาทองและราคาโลหะเงินดีดตัวขึ้นแรง

 สัปดาห์นี้ไม่มีรายงานตัวเลขเศรษฐกิจที่มีนัยสำคัญต่อการเคลื่อนไหวของทั้งราคาทองและราคาโลหะเงิน แต่โดยรวมแล้วราคาโลหะทั้ง 2 ชนิด ยังมีแนวโน้มที่จะปรับตัวขึ้นต่อโดยคาดว่าจะเริ่มมีปริมาณการฟื้นตัวที่น้อยลง และอาจมีแรงขายทำกำไรกลับออกมาเป็นระยะๆ ดังนั้นการซื้อเก็งกำไรในโลหะทั้ง 2 ชนิด ควรเป็นการทยอยซื้อสะสมในช่วงที่ราคาปรับฐาน หรือหากถือครองทองคำแท่งอยู่ ควรทยอยขายทำกำไรเป็นบางส่วนหรือสามารถใช้สัญญาซื้อขายล่วงหน้าป้องกันความเสี่ยงจากการปรับฐานที่อาจจะเกิดขึ้น

 แนวต้านของราคาทองในสัปดาห์นี้อยู่ที่บริเวณ 1,780 ดอลลาร์และ 1,790 ดอลลาร์ตามลำดับ รวมทั้งบริเวณแนวต้านจิตวิทยาที่บริเวณ 1,800 ดอลลาร์ หากสามารถผ่านแนวต้านหลังขึ้นไปได้ จะเป็นสัญญาณซื้อยืนยันทิศทางการฟื้นตัวของราคาทองและคาดว่าราคาจะกลับขึ้นสู่จุดสูงสุดที่บริเวณ 1,920 ดอลลาร์ ได้ต่อไป ส่วนการปรับฐานของราคาทองมีแนวรับอยู่ที่บริเวณ 1,750-1,755 ดอลลาร์และ 1,730-1,735 ดอลลาร์ตามลำดับ หากราคาปรับฐานเข้าใกล้แนวรับคาดว่าจะมีแรงซื้อกลับเข้ามา และราคาจะดีดตัวขึ้นได้ต่อไป ส่วนราคาโลหะเงินหากสามารถผ่านแนวต้านบริเวณ 35 ดอลลาร์ขึ้นไปได้ คาดว่าราคาจะปรับตัวขึ้นสู่แนวต้านบริเวณ 35.50-35.70 ดอลลาร์และ 36.0ดอลลาร์ต่อไปตามลำดับ อย่างไรก็ตามด้วยราคาที่ปรับตัวขึ้นมามาก จึงอาจมีแรงขายกลับออกมา โดยมีแนวรับของวันอยู่ที่บริเวณ 34.0-34.20 และ 33.30-33.50 ดอลลาร์

Gold Future (August)

คาดว่าราคาทองจะแกว่งตัวแคบลง และอาจเริ่มมีแรงขายทำกำไรกลับออกมา ดังนั้นหากถือครองฝั่งซื้ออยู่ ควรทยอยปิดสถานะในช่วงที่ราคาดีดตัวขึ้นเข้าใกล้แนวต้านบริเวณ 1,780 ดอลลาร์และ 1,800 ดอลลาร์ตามลำดับ แล้วรอเปิดสถานะใหม่ในช่วงที่ราคาปรับฐานลงเข้าใกล้แนวรับบริเวณ 1,760 ดอลลาร์และ 1,750 ดอลลาร์ โดยมีจุดปิดสถานะตัดขาดทุนอยู่ที่บริเวณ 1,740 ดอลลาร์

Silver Future (August)

ราคาโลหะเงินแกว่งตัวแคบในการซื้อขายวันศุกร์ และคาดว่าราคาจะแกว่งตัวแคบลงในสัปดาห์นี้ การเก็งกำไรฝั่งซื้อยังน่าสนใจกว่าฝั่งขาย หากราคาปรับฐานลงเข้าใกล้แนวรับบริเวณ 34.0-34.20 ดอลลาร์ สามารถเลือกเปิดสถานะซื้อเก็งกำไรต่อไป โดยมีจุดปิดสถานะตัดขาดทุนอยู่ที่บริเวณ 33.70-33.80 ดอลลาร์