MTS
วิเคราะห์ทางเทคนิคช่วงเช้า
Gold – ราคาทองค าอยู่ในช่วงของการแกว่งตัว โดยที่เมื่อวันศุกร์มีแรงซื้อจนแกว่งขึ้นมาจากระดับ 1,777 เหรียญอีกครั้ง
หนึ่ง ไปท าจุดสูงสุดโดยประมาณที่ 1,786 เหรียญ ซึ่งก็ยังมีแรงเทขายหลังจากนั้นต่อเนื่อง จนท าให้ราคากลับมาปิดที่เดิม
ที่ระดับ 1,772 เหรียญ อันจะเห็นการแกว่งของราคาอย่างมาก ซึ่งยังเป็นลักษณะของการเคลื่อนตัวในทิศทาง Sideway
เพื่อการสะสมพลังอยู่เช่นเดิม ตามกรอบคาดว่าจะอยู่ในช่วง 1,755 – 1,775 เหรียญ โดยในช่วงวันนี้จะไม่มีข่าวตัวเลข
เศรษฐกิจใดๆ ฉะนั้นก็ยังเชื่อว่า ราคาทองค าจะไม่เคลื่อนไหวมากนัก ในขณะที่ราคาปรับตัวลดลงตามการอ่อนค่าลงของ
ค่าเงินยูโรจากระดับ 1.2970 ดอลลาร์/ยูโร ลงมาที่ระดับ 1.2930 ดอลลาร์/ยูโร จึงกดดันท าให้ราคาทองค าปรับตัวลดลง
เช่นเดียวกัน ทองค าน่าจะมีแนวรับแรกส าหรับนักลงทุนระยะสั้นที่ระดับ 1,760 เหรียญ และระดับแนวรับถัดไปที่ระดับ 1,755
เหรียญ แนวต้านอยู่ที่ระดับ 1,770 เหรียญเป็นแนวต้านแรก และระดับ 1,777 เหรียญเป็นแนวต้านที่สอง ยังแนะน าให้นัก
ลงทุนบริหารเงินลงทุนให้เหมาะสมในช่วงของการแกว่งตัวในขณะนี้ ให้ปรับพอร์ทกลยุทธ์ให้ดีกับราคาทองค า โดยเข้าช้อน
ซื้อบริเวณแนวรับ
คำแนะนำ
Daily
เก็งก าไรในภาวะการแกว่งตัว น่าจะเคลื่อนไหวในกรอบ 1,755 – 1,770 เหรียญ ให้ทยอยเข้าช้อนซื้อบริเวณแนวรับ
Weekly
เป็นการขยายสลับกับการท าก าไร พอร์ทอยู่ที่ประมาณ 40% โดยที่แนวรับของนักลงทุนรายสัปดาห์จะอยู่ที่ระดับ 1,755 เหรียญ
Monthly
ทยอยเข้าช้อนซื้อสะสมตลอด ถือครองพอร์ทประมาณ 50% แนวรับของนักลงทุนระยะยาวจะอยู่ที่ 1,750 เหรียญ แนะน าให้ขายท าก าไรเป็นช่วงๆ เมื่อราคาดีดตัวสูงขึ้นบริเวณแนวต้าน
Gold Recap
Morning Recap
ราคาทองค าต่างประเทศเปิดที่ระดับ 1,772 เหรียญ/ออนซ์ Gold Futures V12 เปิดที่ 26,010 บาท สมาคมค้าทองแท่งเปิดที่ 25,750 บาท
Night Recap
ราคาทองค าเปิดตลาดช่วงค่ าในประเทศไทยที่ระดับ 1,778เหรียญ โดยราคาเคลื่อนตัวอยู่ระหว่าง 1,770 – 1,787 เหรียญ ก่อนกลับมาปิดตลาดที่ 1,772 เหรียญ ในเวลาประเทศไทย
ข่าวที่สำคัญ
-ราคาทองค าปรับตัวเพิ่มขึ้นในคืนวันศุกร์ที่ผ่านมา โดยซิลเวอร์และทองค าสามารถขึ้นไปท าจุดสูงสุดได้ในรอบ 6 เดือนจากการเข้าซื้ออย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป็นผลมาจากการกระตุ้นเศรษฐกิจของกลุ่มธนาคารกลางต่างๆ โดยสัญญาโกลด์ฟิวเจอร์สส่งมอบเดือนธันวาคมปรับตัวสูงขึ้น 7.8 เหรียญ ปิดตลาด COMEX ที่ระดับ 1,778 เหรียญ/ออนซ์ ด้วยปริมาณการซื้อขายสูงกว่าค่าเฉลี่ย
250 วัน
-ดอยซ์ แบงก์ ระบุว่า การปรับตัวขึ้นล่าสุดของราคาทองค าในรอบนี้ได้ถูกน ามาเปรียบเทียบกับราคาทองค าที่ปรับตัวสูงขึ้นเมื่อมีการใช้มาตรการ QE1 และ QE2 ในความเป็นจริงแล้ว หากราคาทองค าปรับตัวสูงขึ้นตามเหตุการณ์การกระตุ้นเศรษฐกิจดังกล่าวจริง นั่นหมายถึงราคาทองค าจะขึ้นไปแตะระดับ 1,900 เหรียญในช่วงสิ้นเดือนตุลาคม
-ธนาคารกลางรายใหญ่ 4 แห่ง ซึ่งประกอบด้วย ธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี), ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด), ธนาคารกลางจีน (People’s Bank of China) และธนาคารกลางญี่ปุ่น (บีโอเจ) ต่างก็มีการประกาศมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งสิ่งนี้อาจก่อให้เกิดภาวะเงินเฟ้อ โดยจะเป็นตัวสนับสนุนราคาทองค าเนื่องจากจะมีการท าการ Hedge กับภาวะเงินเฟ้อนั่นเอง
-คอมเมิร์ซแบงก์ระบุว่า การปรับตัวสูงขึ้นของราคาทองค าได้รับแรงสนับสนุนจากปริมาณทองค าไหลเข้าสู่กองทุน ETFs โดยกองทุน Gold ETFs ได้ขยายการส ารองทองค าเพิ่มขึ้นติดต่อกันเป็นวันที่ 13 สู่ระดับ 2,523 ตันเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา ส่งผลให้ในเดือนนี้มีปริมาณทองค าไหลเวียนเข้าสู่กองทุนทั้งสิ้น 64 ตัน
-เมื่อวันที่ 11 กันยายนที่ผ่านมา การเก็งก าไรในสถานะ Long Position สุทธิอยู่ที่ 165,724 คู่สัญญา เพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าจากระดับกลางเดือนสิงหาคม แต่ต่ ากว่าจุดสูงสุดที่ 253,653 คู่สัญญา 35% ที่ท าไว้เมื่อช่วงเดือนสิงหาคม นอกจากนี้ Open Interest ในตลาด COMEX เพิ่มขึ้นสู่ระดับสูงสุดในรอบ 1 ปีที่ 483,107 ล็อตเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา โดยในช่วง 30 วันที่ผ่านมา OI
เพิ่มขึ้น ประมาณ 25% เทรดเดอร์กล่าวว่า ในวันอังคารหน้าที่สัญญาโกลด์ฟิวเจอร์สส่งมอบเดือนตุลาคมจะหมดอายุอาจส่งผลให้เกิดการเก็งก าไรมากขึ้น
-ปัจจัยทางด้านอุปทาน ปัญหาทางด้านแรงงานยังคงเป็นที่น่ากังวล โดยเหตุจลาจลก่อตัวขึ้นในเหมืองทองที่ใหญ่ที่สุดในโลกที่ เหมืองกราสเบิร์ก ประเทศอินโดนีเซีย ซึ่งเหมืองดังกล่าวนี้มีการจ้างงาน 19,500 คน และผลิตทองค าได้ 251,000 ออนซ์ รวมไปถึงทองแดง 402,000 ตันในไตรมาสที่ 2 ของปีนี้ ในขณะที่คนงานในเหมืองอังโกล โกลด์ แอชชันติ โคปานัง ผู้ผลิตทองค าราย
ใหญ่ที่ประเทศแอฟริกาใต้ก็ประท้วงหยุดงานเนื่องจากปัญหาเรื่องค่าแรงเช่นกัน ซึ่งที่เหมืองโคปานังนี้มีการจ้างงานประมาณ 5,000 คน และผลิตทองค าได้ 90,000 ออนซ์ในช่วงครึ่งปีแรกของปีน
-หนังสือพิมพ์เดอร์ สปีเกล รายงานเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมาว่า ประเทศต่างๆ ในยูโรโซนก าลังเตรียมที่จะให้กองทุน ESM เพิ่ม Leverage ในเงินทุนเช่นเดียวกันกับเหมือนที่ท าในกองทุน EFSF และจะส่งผลให้กองทุน ESM มีวงเงินใช้มากกว่า 2 ล้านล้านยูโร และสามารถใช้ช่วยเหลือประเทศใหญ่ๆ หากจ าเป็น เช่น ใช้เงินสาธารณะเข้าซื้อพันธบัตรสเปน