Home Product

รวบรวมบทวิเคราะห์ทองจากบลจ.ต่างๆประจำวันที่ 18 มกราคม 2556

รวบรวมบทวิเคราะห์ทองจากบลจ.ต่างๆประจำวันที่ 18 มกราคม 2556

MTS

วิเคราะห์ทางเทคนิคช่วงเช้า

Gold – ราคาทองคาค่อยๆ ปรับตัวสูงขึ้นในช่วงตลาดเอเชียไปทรงตัวบริเวณ 1,680 เหรียญบวกลบ ในขณะที่ปรับตัวลดลงอย่างรวดเร็ว เมื่อตัวเลขทางเศรษฐกิจออกมาค่อนข้างดีทางด้านภาคที่อยู่อาศัยและผู้ขอรับสวัสดิการน้อยลงเกือบ 40,000 ตาแหน่ง ซึ่งคาดการณ์ว่าจะ น้อยลงเพียง 2,000 ตาแหน่ง และสรุปได้ว่าภาคแรงงานดีขึ้นเกือบ 40,000 ตาแหน่ง ทาให้มีแรงเทขายทองคาและปรับลงมาทาจุดต่าสุดที่ ระดับ 1,667 เหรียญ แต่แล้วก็มีแรงซื้อกลับเข้ามาในตลาดอย่างรวดเร็ว โดยหลังจากที่ตัวเลข Philly Fed Manufacturing Index ออกมา ต่ากว่าที่คาดอย่างมากจาก +8.1 คาดการณ์ไว้ที่ +7.1 และผลออกมา -5.8 ทาให้ทองคาดีดขึ้นอย่างทันที แล้วไปทาจุดสูงสุดบริเวณ 1,695 เหรียญ เรียกว่าดีดขึ้นกว่า 20 เหรียญในเวลาเพียงครึ่งชั่วโมง จะเห็นถึงการที่ราคาทองคาค่อนข้างแกว่งไปตามสภาพข่าวอย่างมาก ในเชิงเทคนิคจะเห็นได้ว่าราคาทองคาค่อยๆ ปรับตัวสูงขึ้นและเริ่มยืนอยู่เหนือระดับ 1,680 เหรียญได้ แนวรับด้านล่างขยับขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 1,670 เหรียญ ในขณะที่แนวต้านด้านบนเหลือเป็นช่วงแคบๆ ระหว่าง 1,695 – 1,700 เหรียญ ซึ่งเป็นแนวต้านสาคัญทางจิตวิทยา ถ้าราคา ทองคาไปยืนอยู่เหนือ 1,700 เหรียญได้จะมีการซื้อกลับอย่างรวดเร็วรุนแรง อย่างไรก็ดีตลาดรอข่าวและมีความกังวลเรื่องการแก้ปัญหา Debt Ceiling และ Fiscal Cliff

คำแนะนำ

Daily

 เริ่มให้กลับเข้ามาซื้อเพื่อเก็งกาไรในทิศทางขาขึ้น โดย ซื้อบริเวณแนวรับด้านล่างที่ระดับ 1,680 เหรียญ และ ขายที่บริเวณ 1,695 เหรียญ ย้าว่าเป็นคาแนะนารายวัน และเป็นการกลับด้านจากเมื่อวาน

Weekly

ยังเป็นการรอเข้าช้อนซื้อเฉพาะบริเวณแนว รับสาคัญ ค่อยๆ ปรับพอร์ทขึ้นมาเป็น 10%

Monthly

ปรับพอร์ทเพิ่มขึ้นเล็กน้อยประมาณ 5 – 10% ในการเข้าถือครอง โดยซื้อบริเวณ แนวรับเช่นเดียวกัน

Morning Recap

ราคาทองคาต่างประเทศเปิดที่ระดับ 1,680 เหรียญ/ออนซ์ Gold Futures G13 เปิดที่ 23,900 บาท สมาคมค้าทองแท่งเปิดที่ 23,650 - 23,750 บาท

Night Recap

ราคาทองคาเปิดตลาดช่วงค่าในประเทศไทยที่ระดับ 1,682 เหรียญ โดยราคาเคลื่อนตัวอยู่ระหว่าง 1,665 – 1,690 เหรียญ ก่อนกลับมาปิดตลาดที่ 1,688 เหรียญ ในเวลาประเทศไทย

ข่าวที่สำคัญ

-ราคาทองคาได้ปรับตัวลดลงในช่วงต้นของตลาดสหรัฐทันทีที่ตัวเลขเศรษฐกิจภาคแรงงานและภาคที่อยู่อาศัยออกมาดีเกินคาด แต่ภายหลังปรับตัวสูงขึ้นตามตลาดอื่นๆ จากแรงช้อนซื้อ ประกอบกับภาคการผลิตที่ออกมาแย่กว่าคาด

-จานวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงาน ลดต่าสุดตั้งแต่เดือนม.ค. 2551 เนื่องจากรัฐสภามีมติผ่านร่างกฎหมายแก้ปัญหา Fiscal Cliff ที่ช่วยขยายระยะเวลาการให้สวัสดิการผู้ว่างงาน สะท้อนให้เห็นว่าตลาดแรงงานของสหรัฐเริ่มฟื้นตัวขึ้น

-ตัวเลขการเริ่มสร้างบ้านเดือนธ.ค.ของสหรัฐขยายตัวที่รวดเร็วที่สุดในรอบกว่า 4 ปี

-นายบาร์รี รูเทนเบิร์ก ประธาน NAHB กล่าวว่า “ภาวะตลาดที่อยู่อาศัยในขณะนี้ปรับตัวขึ้นอย่างมากจากต้นปี 2555 และจานวนตลาดที่อยู่อาศัยที่เพิ่มขึ้นกาลังส่งสัญญาณถึงการฟื้นตัว”

-ภาคการผลิต Philly Fed Manufacturing Index ออกมาที่ระดับ -5.8 ต่ากว่าคาดที่ระดับ 7.1 อย่างมาก

-เมื่อคืนราคาทองคาไปทาจุดต่าสุดที่ระดับ 1,666 เหรียญ และรีบาวน์ขึ้นไปทาจุดสูงสุดที่ระดับ 1,696 เหรียญ แต่ก็มีการปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างจากัด เนื่องจากค่าเงินดอลลาร์ก็แข็งค่าขึ้นด้วย

-นายไรอัน ประธานคณะกรรมการด้านงบประมาณ กล่าวว่า สมาชิกพรรครีพลับลิกันกาลังพิจารณาผ่านร่างการเพิ่มระดับเพดานหนี้ระยะสั้น เพื่อให้มีเวลาในการหารือในการตัดลดหนี้ที่มีกาหนดการสิ้นสุดอีก 2 เดือน

-กระทรวงการคลังสหรัฐกล่าววันนี้ว่า สหรัฐได้ขาดดุลสู่ระดับ 16.1 ล้านล้านดอลลาร์ในปี 2012 จากระดับ 14.8 ล้านล้านดอลลาร์ในปีก่อนหน้า สะท้อนถึงสถานะทางการเงินที่ย่าแย่ และยังต้องใช้การกระตุ้นเศรษฐกิจต่อไป

-นายเดนิส ลอคฮาร์ด ประธานเฟดสาขาแอตแลนต้า คาดว่าเฟดจะยังคงใช้การเข้าซื้อพันธบัตรนานกว่ากลางปีนี้ ซึ่งอาจจะรอดูว่ากลางปีนี้ ตลาดแรงงานฟื้นตัวพอที่จะหยุดการใช้มาตรการนี้หรือไม่

-เฟดมีความกังวลเพิ่มขึ้นว่าการคงอัตราดอกเบี้ยระดับต่าอาจจะทาให้ตลาดสินทรัพย์ลงทุนต่างๆ ตั้งแต่ที่ดินเพื่อการเกษตร ไปจนถึงพันธบัตรที่มีเครดิตต่าจะร้อนแรงเกินไป และอาจทาให้เกิดความเสี่ยงหากมีการชะลอหรือหยุดการเข้าซื้อพันธบัตร

-นางลาการ์ด ผู้อานวยการไอเอมเอฟ กล่าวเมื่อวานนี้ว่า กล่าวเตือนรัฐบาลทั่วโลกว่าไม่ควรหยุดกระตุ้นเศรษฐกิจอีกด้วย แม้ว่าจะมีสัญญาณการฟื้นตัว

-ยูโรแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐและเงินเยน ขานรับข่าวที่ว่ารัฐบาลสเปนสามารถขายพันธบัตรได้ตามเป้าหมายสูงสุด ซึ่งบ่งชี้ว่านักลงทุนยังคงมีความเชื่อมั่นต่อเศรษฐกิจสเปน

-รัฐมนตรีเศรษฐกิจ การค้าและอุตสาหกรรมของญี่ปุ่นกล่าวว่า รัฐบาลญี่ปุ่นจะยังคงเดินหน้าใช้เงินเยนที่อ่อนค่า เพื่อหนุนเศรษฐกิจของประเทศที่พึ่งพาการส่งออกเป็นหลัก