Home Product

รวบรวมบทวิเคราะห์ทองจากบลจ.ต่างๆประจำวันที่ 18 มีนาคม 2556

รวบรวมบทวิเคราะห์ทองจากบลจ.ต่างๆประจำวันที่ 18 มีนาคม 2556

MTS

วิเคราะห์ทางเทคนิคช่วงเช้า

Gold – ราคาทองคายังอยู่ในช่วงของการปรับฐานในช่วงขาลง คือกาลังปรับฐานทรงตัวอยู่ในกรอบ 1,585 – 1,610 เหรียญ โดยที่ราคาทองคาพยายามทรงตัวบริเวณ 1,590 เหรียญ ในเช้าวันจันทร์นี้มีการ Breakout ในเชิงเปิด GAP ออกมาที่ระดับ 1,600 เหรียญ ในด้านของข่าวทั่วไปทางด้านปัจจัยพื้นฐานยังมีการขายของกองทุน SPDR ในคืนวันศุกร์หลังจากหยุดซื้อขายไปสองวัน แสดงถึงศักยภาพโดยรวมที่ยังไร้ทิศทางของทองคา คาดว่าราคาทองคาน่าจะเคลื่อนตัวในกรอบ 1,585 – 1,610 เหรียญในช่วงวันนี้ วิเคราะห์ราคาทองคาทางเทคนิค - พบว่าราคาทองคามีการสร้าง GAP บริเวณ 1,595 เหรียญ และไปทดสอบระดับ 1,600 เหรียญ โดยมีแรงเทขายหนาแน่นบริเวณ 1,600 เหรียญ ยังคาดว่าราคาทองคาจะเคลื่อนตัวในทิศทาง Sideways ในกรอบ 1,590 – 1,610 เหรียญในวันนี้ กราฟรายชั่วโมงเริ่มเป็นสัญญาณการทรงตัว ในขณะที่กราฟรายวันยังเป็นทิศทางขาลง

กลยุทธการลงทุนในทองคำวันนี้

กลยุทธ์การลงทุนในวันนี้ยังแนะนากลยุทธ์ในเชิงกรอบ Sideways ระหว่าง 1,590 – 1,610 เหรียญ ยังสามารถทรงตัวอยู่ได้ แนะนาให้ซื้อบริเวณแนวรับและขายเมื่อราคาสูงกว่าระดับ 1,600 เหรียญขึ้นไป และสร้างสถานะสมดุลของพอร์ทไม่อยู่ในเชิงบวกหรือลบ และทากาไรระยะสั้นอย่างรวดเร็ว

นักลงทุนถือ Long Position หาจังหวะขายเมื่อราคาปรับตัวสูงขึ้นเหนือระดับ 1,603 เหรียญขึ้นไป

นักลงทุนที่ถือ Short Position แนะนาให้หาจังหวะซื้อปิดที่ระดับ 1,590 เหรียญลงมา หาจังหวะในการปิดสถานะ

Gold Recap

Morning Recap

ราคาทองคาต่างประเทศเปิดที่ระดับ 1,591 เหรียญ/ออนซ์ Gold Futures J13 เปิดที่ 22,460 บาท สมาคมค้าทองแท่งเปิดที่ 22,250 - 22,350 บาท

Night Recap

ราคาทองคาเปิดตลาดช่วงค่าในประเทศไทยที่ระดับ 1,593 เหรียญ โดยราคาเคลื่อนตัวอยู่ระหว่าง 1,590 – 1,598 เหรียญ ก่อนกลับมาปิดตลาดที่ 1,594 เหรียญ ในเวลาประเทศไทย

ข่าวที่สำคัญ

-ราคาทองคาช่วงเช้าปรับตัวเพิ่มขึ้นเหนือระดับ 1,600 เหรียญ ทาจุดสูงสุด 1,605 เหรียญ จากปัญหาในไซปรัสกระตุ้นความต้องการสินทรัพย์ปลอดภัย แต่ได้ปรับตัวลงมาหลุด 1,600 เหรียญอีกครั้ง

-มูดี้ส์ออกมากล่าว การช่วยเหลือทางการเงินไซปรัสเป็นผลลบต่อผู้ฝากเงินทั่วยุโรป

-หลังจากเจรจากันนาน 10 ชั่วโมง ยูโรโซนและไอเอ็มเอฟได้บรรลุข้อตกลงเกี่ยวกับแผนการช่วยเหลือไซปรัสวงเงิน 1 หมื่นล้านยูโร ในช่วงเช้าวันเสาร์แต่เงื่อนไขที่ตามมาก็คือ ผู้ที่ฝากเงินในธนาคารไซปรัสมากกว่า 1 แสนยูโรจะต้องถูกจัดเก็บภาษี 9.9% ต่อครั้ง

-โดยการลงมติเกี่ยวกับประเด็นการจัดเก็บภาษี เพื่อป้องกันการเกิดภาวะล้มละลายแก่ธนาคารขนาดใหญ่ในไซปรัสได้ถูกเลื่อนมาเป็นวันนี้ เวลา 19.00 น. โดยต้องได้รับเสียงอย่างน้อยอีก 9 เสียง มิฉะนั้นแล้วอาจในวันพรุ่งนี้ ซึ่งมีสามพรรคในตอนนี้ที่ไม่สนับสนุน จากความกังวลเรื่องการลงมติดังกล่าว ทาให้ค่าเงินยูโรอ่อนค่าต่ากว่า 1.30 ดอลลาร์ต่อยูโร

-ผู้ฝากเงินในไซปรัสแห่กันถอนเงินออกจากธนาคารผ่านตู้ ATM และทาให้เงินในตู้หมดไปหลายเครื่อง ซึ่งนั่นก็สายเกินไป เนื่องจากทางไซปรัสได้ประกาศให้วันจันทร์เป็นวันหยุดธนาคารเพื่อป้องกันไม่ให้เงินออกจากธนาคารและห้ามไม่ให้มีการโอนเงินผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์

-ราคาทองคาปรับตัวเพิ่มขึ้นจากการปรับตัวลงของตลาดหุ้น รวมถึง CPI ที่ออกมา สนับสนุนความคิดที่ว่าเฟดยังคงสามารถคงการใช้มาตรการกระตุ้นได้อีก แต่ปริมาณยังเบาบาง ก่อนการประชุมเฟดในวันที่ 19-20 มี.ค. ประกอบกับตลาดหุ้นที่ลดลง

-เฮดฟันด์เพิ่มสถานะ Long ทั้งหมดระดับปานกลาง 0.639 ล้านออนซ์ในสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 12 มี.ค. ขณะที่มีการปิดสถานะ Short ทากาไร 0.262 ล้านออนซ์ เนื่องจากทองคาได้สร้างแนวรับที่ 1,565 เหรียญแล้ว ก่อนที่ดีดตัวทดสอบแนวต้าน 1,600 เหรียญ โดยมีสถานะ Long สุทธิเพิ่ม 0.901 ล้านออนซ์สู่ระดับ 13.080 ล้านออนซ

-SPDR ได้ขายเพิ่มในวันศุกร์ที่ผ่านมา 3.31 ตันจากระดับ 1,236.31 ตันสู่ระดับ 1,233 ตัน

-แม้ว่าตัวเลขเศรษฐกิจจะออกมาดี แต่คาดว่าเฟดจะยังคงใช้ QE เพื่อการว่างงาน โดยเบอร์นันเก้ได้สื่อว่าเขาเชื่อว่าผลเสียจากการไม่ใช้ จะมากกว่าการที่ยังใช้ QE ต่อ ซึ่งเฟดกาลังจะขยายงบดุล โดยไม่คานึงถึงภาวะเงินเฟ้อ

-ข่าวสาคัญหลักของสัปดาห์นี้ คือ การประชุม FOMC โดยสมาชิกเฟดจะหารือถึงความเสี่ยงต่างๆ จากแผนกระตุ้นเศรษฐกิจของเฟด ในขณะที่เบอร์นันเก้ได้ส่งสัญญาณไว้ก่อนหน้านี้แล้วว่า จะยังคงนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจเอาไว้ โดยจะมีการแถลงของเบอร์นันเก้ คืนวันพุธ เวลา 1.30 น.

-สมาชิกอาวุโสพรรครีพับลิกันกล่าวว่า พวกเขาเห็นโอกาสสาหรับการตกลงกันกับโอบามาในเรื่องการตัดลดยอดขาดดุลและการควบคุมการตัดลดการใช้จ่ายของรัฐบาล

-ทาเนียบขาวระบุว่า การลดงบประมาณรายจ่ายโดยอัตโนมัติ ซึ่งมีผลบังคับใช้เมื่อวันที่ 1 มีนาคมที่ผ่านมา อาจฉุดรั้งการฟื้นตัวของสหรัฐลง 4-5 เดือนภายในสิ้นปีนี้ หากไม่สามารถตกลงกันได้